กรรมตามสนอง
Messege from : Ryeowook my baby
พี่ครับ
ผมว่าเราเลิกกันเหอะ
ผมนั่งมองข้อความในมือถือของผมด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ
ข้อความจากเรียวอุค บอกเลิก นี่มัน...เรื่องบ้าอะไร??
“คุณเยซอง
คุณตั้งใจฟังที่ผมพูดไหม!!”เสียงเข้มของผู้จัดการเรียกให้ผมสะดุ้ง
เงยหน้ามาก็เห็นทุกคนในที่ประชุมมองมาทางผมเป็นตาเดียว ผมละสายตาจากมือถือก่อนจะเก็บมันเอาเข้ากระเป๋าไป
และประชุมตามปกติ แต่ใจผมมันไม่ได้อยู่ในห้องประชุมนั้นเสียแล้วน่ะสิ
“เฮ้อออ” ร่างบางที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยใจ หลังจากที่นั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์รอการโทรกลับของร่างสูงอย่างยาวนาน
เรียวอุคมองไปทั่วบ้านหลังที่เขาอาศัยอยู่กับเยซอง
ก่อนมือเล็กจะลากกระเป๋าเดินทางแล้วเดินออกจากบ้านไป
บรืนนนนนนนนน
ร่างสูงบึ่งรถกลับบ้านอย่างรวดเร็วหลังเสร็จประชุม
ในมือกดโทรออกเบอร์เดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นร้อยๆสาย
แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าอีกฝ่ายจะรับเลย
“เรียวอุค
อย่าเป็นแบบนี้ ขอร้องล่ะ”
อีกด้านหนึ่ง
เรียวอุคมองดูโทรศัพท์มือถือที่สั่นอย่างบ้าคลั่ง
บนหน้าจอปรากฏเบอร์เดิมซ้ำเป็นร้อยๆครั้ง เรียวอุคได้แต่ยิ้มบางก่อนจะลากกระเป๋าขึ้นเครื่องบินที่มีจุดหมายปลายทางที่ประเทศอังกฤษ
‘ขอโทษนะครับ
แต่เวลาของพี่ มันหมดลงแล้ว’
“เรียวอุค
ขึ้นเครื่องกัน” ร่างสูงโปร่งที่ร่างบางนั่งรอเดินมาพร้อมกับรอยยิ้มสว่างสดใส
“ไม่ลืมอะไรอีกนะ
คยูฮยอน” เรียวอุคถามอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง “ยิ่งนายต๊องๆอยู่ด้วย”
“ไม่หรอก
ก็มีแค่นายเนี่ยแหล่ะ ถ้าฉันจะลืม” มือหนาคว้ามือเล็กเอาไว้มั่น
“ไปกันเถอะ”
“เรียวอุค!!!”
เยซองวิ่งเข้ามาในบ้านที่เคยเป็นวิมานสำหรับเขา
แต่บัดนี้กลับดูว่างเปล่าทั้งๆที่เฟอร์นิเจอร์อยู่ครบ หากแต่ว่าขาดคนตัวเล็กที่มักจะวิ่งมารับเขาหน้าบ้านด้วยรอยยิ้มสดใสเสมอ
“เรียวอุค นายอยู่ไหน”
ขายาววิ่งไปทั่วบ้านทั้งชั้นแรกและชั้นสอง ห้องนอน
ห้องครัวหรือที่อื่นๆ ว่างเปล่า!! ไม่มี่แววของร่างบางที่ทำให้เขาว้าวุ่นใจเลย
“โธ่เว้ยยยยย”
ร่างสูงแผดเสียงอย่างเจ็บปวดใจ ขายาวทรุดลงกับพื้นอย่างหมดแรง
ในใจนึกสมน้ำหน้ายิ้มเยาะตัวเองที่ปล่อยให้สิ่งล้ำค่าในชีวิตเขาหลุดลอยไป
ด้วยรู้ว่าสาเหตุมาจากตัวเขาเอง
‘พี่คงโกรธนายไม่ได้หรอกเรียวอุค
พี่ผิดเอง’
4 Nov
2011 23:52 pm
ร่างสูงกลับมาจากทำงานด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อไฟทั้งบ้านปิดเอาไว้ราวกับไม่มีคนอยู่
“เรียวอุค อยู่บ้านหรือเปล่า”
เยซองเรียกร้องหาร่างบางอย่างเป็นห่วง
ขายาวเดินเข้าไปในบ้านเรื่อยๆจนถึงบริเวณห้องครัว
พรึ่บ!!
ร่างสูงสะดุ้งเมื่อไฟในบ้านสว่างขึ้น
แต่เป็นไฟสีส้มสลัวๆเท่านั้น ร่างสูงหันไปรอบๆจนไปสะดุดตากับร่างบางที่อยู่ในครัว
“พี่เยซองงง” เสียงหวานเอ่ยชื่อเขาพร้อมส่งสายตายั่วยวนมาให้
“ร เรียวอุค” สายตาคมเบิกกว้างขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เห็น คิมเรียวอุค คนรักที่แสนจะขี้อายและเรียบร้อย
บัดนี้อยู่ในสภาพที่เขาอยากจะกระโจนเข้าไปฟัดให้หายอยากเหลือเกิน
ร่างบางตอนนี้อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาที่มันช่างโคร่งเหลือเกินเมื่ออยู่บนตัวของเรียวอุค
บนหัวทุยมีที่คาดผมหูยีราฟคาดอยู่ เสื้อแหวกให้เห็นแผงอกบางที่น่าฝากรอยสีแดงจางๆไว้ยิ่งนัก
อีกทั้งเชิ้ตตัวนั้นมีความยาวแค่พอปกปิดสะโพกสวยเอาไว้เท่านั้นเอง
ร่างสูงกลืนน้ำลายเอือกเมื่อคนตัวเล็กก้าวเข้ามาหา
“พี่ลืมแล้วหรอครับ
ว่าวันนี้วันอะไร” แขนขาวโอบล้อมคอแกร่ง
นิ้วชี้ลากไล้ไปมาเบาๆบนใบหน้าคม มือหนาคว้าหมับเข้าที่เอวเล็กอย่างรู้งาน
“พี่ไม่ลืมหรอกนะครับคนดี” จมูกโด่งคลอเคลียที่แก้มนิ่มอย่างหลงใหล
มือปลาหมึกลูบไล้ไปมาบริเวณเอวคอดบาง
ก่อนจะเลื่อนลงไปบีบเค้นที่สะโพกสวยอย่างเพลินมือ “วันครบรอบของเราไงครับ”
เยซองโกหกคำโตออกไป ที่จริงเขาลืมสนิทเลยต่างหาก
ถึงได้ทำงานจนกลับบ้านดึกดื่นแบบนี้
“ขึ้นห้องกันเถอะครับคนดี คืนนี้พี่อยากขี่ยีราฟ”
เสียงแหบพร่ากระซิบอย่างควบคุมอารมณ์ที่กำลังจะระเบิด
มือเล็กตีไปที่แขนแกร่งกับคำพูดส่อของอีกคนอย่างเขินอาย
“ไม่ต้องบนห้องหรอกครับ
ตรงนี้ก็ได้” ร่างบางดันให้อีกคนนั่งบนเก้าอี้ที่โต๊ะกินข้าวอย่างว่าง่าย
ก่อนจะนั่งคร่อมไปบนตักแกร่งให้กายทั้งสองแนบชิดกันมากขึ้น “แต่คนมาสาย
ต้องถูกทำโทษนะครับ”
ริมฝีปากบางทาบทับลงไปที่ส่วนเดียวกันของอีกคน
แลกลิ้นกันอย่างไม่มีใครยอมใคร เสียงครางต่ำเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินเมื่อลิ้นหนาลากไล้ไปตามเพดานปาก
ต่างตอบรับสัมผัสซึ่งกันและกันอย่างเต็มใจ
มือเล็กปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตทำงานของร่างสูงทีละเม็ด
ก่อนจะเลื่อนลงมาฝากรอยรักสีจางๆไว้บนคอแกร่ง ไล่ลงมาที่แผงอกประดับด้วยมัดกล้ามเนื้อเรียงตัวกันสวย
ลิ้นเล็กชิมรสปุ่มสองปุ่มบนนั้นอย่างเพลิดเพลิน
ร่างสูงเชิดหน้าขึ้นครางต่ำอย่างพึงพอใจ มือหนาที่ไม่ได้หยุดนิ่งสอดเข้าไปสัมผัสผิวสวยลื่นมือภายใต้เชิ้ตตัวบาง
อารมณ์ของทั้งคู่ถูกดึงให้สูงขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าคมซุกไซร้ไปที่ซอกคอหอมกรุ่น
ริมฝีปากหนาขบเม้มผิวเนียนจนเป็นรอยแดง
กลิ่นกายหอมลอยมาแตะจมูกโด่งเบาๆยิ่งทำให้ร่างสูงแทบคลั่งกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี่
“อ๋า พี่ ย เยซองง” เรียวอุคครางหวานยามแอ่นอกรับสัมผัสร้อนแรงจากปลายลิ้นของอีกคน
มือหนาดึงรั้งให้ร่างบางแนบชิดกับกายตนมากขึ้น
ใบหน้าคมฝังลงไปบนแผ่นอกบางชิมรสหวานอย่างกระหายอยาก นิ้วเรียวจิกงอไปบนลาดไหล่แกร่ง
ก่อนจะเลื่อนลงมาปลดซิปกางเกงทำงานของร่างสูงลงช้าๆ สายตาเจ้าเล่ห์สบกับสายตายั่วยวนของร่างบางยิ่งเหมือนน้ำมันที่ราดไปบนกองไฟ
ริมฝีปากหนาบดจูบบนเรียวปากอิ่มแดงอีกครั้งอย่างไม่รู้เบื่อ
“อื้ออออ”
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrr
ห้วงสวาทพังทลายลงเมื่อเสียงโทรศัพท์ของร่างสูงดังขึ้น
เยซองสบถหยาบคายออกมาอย่างหัวเสีย จำใจต้องละจากเรือนกายหอมหวาน
ก่อนมือหนาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะ
“ฮัลโหล ครับ ห่ะ งานมีปัญหา
คุณบอกว่างานมีปัญหาตอนเที่ยงคืนเนี่ยน่ะหรอ” ร่างสูงถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
มองร่างบางที่ซบลงกับอกแกร่งของตน นิ้วเรียวลากไล้ไปมาบนแผงอกแกร่ง
สายตาหวานช้อนมองขึ้นมาอย่างสงสัย
“ได้ เดี๋ยวผมออกไป” เรียวอุคผละออกจากอกแกร่งมาสบตากับร่างสูงอย่างโกรธเคือง
เมื่อได้ยินคำพูดของเยซอง
“ไม่ออกไปได้ไหมครับ” ริมฝีปากบางเอ่ยก่อนจะฝากรอยรักไว้บนแผงอกแกร่งอีกครั้ง
ไล่จูบขึ้นมาตามคอจนถึงแนวสันกรามของอีกคนอย่างอ้อนวอน ด้วยหวังว่า
ร่างสูงจะอยู่ใช้ค่ำคืนนี้ร่วมกันกับเขา
“อย่าเรียวอุค พี่ต้องออกไป”
เยซองพูด แต่ร่างบางก็ยังไม่ยอมหยุด
เรียวปากบางประทับจูบแลกลิ้นกับร่างสูงอย่างเอาใจ
พยายามทุกทางไม่ให้ร่างสูงออกจากบ้านไป
เยซองที่กำลังโมโหจากการถูกขัดจังหวะ งานที่ทำก็มีความสำคัญมาก
แล้วร่างบางยังมาดื้อแบบนี้อีก ทั้งหมดนี่รวมกันทำให้สติของร่างสูงขาดผึ่ง
“เรียวอุค พี่บอกให้หยุด!!!”
เสียงเข้มออกแนวตะคอก พร้อมกับมือหนาที่จับไหล่เล็กออกจากตน เรียวอุคน้ำตาคลอเบ้า
มองคนที่โมโหร้ายอย่างไม่เข้าใจ เยซองไม่รอช้า ยกร่างบางไปวางไว้บนโต๊ะกินข้าว
ก่อนจะลุกขึ้นแต่งตัวให้เรียบร้อยและออกจากบ้านไป
“พี่เยซอง ฮึก
อยู่ด้วยกันเถอะนะครับ” ร่างบางได้สติก็วิ่งตามอีกคนไป
น้ำตาไหลลงมาจากดวงตาคู่สวย แต่ก็ไม่ทันอีกคนที่ขับรถออกไปเรียบร้อยแล้ว
“ฮึก ฮือออ” เรียวอุคทรุดลงกับพื้น
ร้องไห้อย่างนึกน้อยใจ วันนี้เป็นวันสำคัญแท้ๆ อีกทั้งต้องใช้ความกล้ามากขนาดไหนถึงจะเปลี่ยนจากคนขี้อายเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
ร่างสูงคงไม่รู้เลยสินะ
“ทั้งๆที่ทำเพื่อพี่แท้ๆ
แต่ทำไมพี่ใจร้ายกับผมอย่างนี้ ฮือออออ”
“คุณเยซอง!!!” เสียงเข้มของเจ้านายทำให้ร่างสูงที่ตกอยู่ในภวังค์สะดุ้งจนตัวโยน “ผมถามว่าคุณเข้าใจที่ผมพูดไหม”
“อะ เอ่อ ครับ” สายตาคมบ่งบอกถึงความมีคำถาม เจ้านายวัยกลางคนส่ายหน้า
ถอนหายใจด้วยความระอา
“ช่วงนี้คุณเป็นอะไรห่ะ เยซอง
ทำงานไม่ได้เรื่องสักอย่าง” เยซองก้มหน้าลงน้อยๆเมื่อเจ้านายเริ่มตำหนิตน
“พนักงานที่มีคุณภาพแบบคุณ
ทำไมเดี๋ยวนี้ถึงได้เหลวไหลเละเทะไปได้
แล้วอย่างนี้ถ้าผมส่งคุณไปสัมนาที่อังกฤษมันจะได้เรื่องไหม!!”
“ขอโทษครับ
ผมจะไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกครับ”
เยซองเดินออกมาจากห้องเจ้านายและกลับบ้านอย่างเหนื่อยล้า
เหนื่อยทั้งกาย เหนื่อยทั้งใจ มองเข้าไปในบ้านที่ยามนี้แสนจะว่างเปล่าและอ้างว้าง
มือหนาคลายเนกไทออกก่อนจะทิ้งตัวลงกับเตียงด้วยความอ่อนเพลีย สายตาคมเหม่อลอย
นึกถึงอีกคนที่เคยใช้ชีวิตร่วมกันในบ้านอันแสนสุขนี้ หลายเดือนผ่านไปแล้ว
เขาไม่รู้ว่าเรียวอุคอยู่ไหน ทำอะไรอยู่ อยู่กับใคร
แม้แต่เขาโทรไปถามครอบครัวของเรียวอุคก็ยังไม่มีใครรู้
แต่ดูเหมือนว่าเรียวอุคจะขอให้ช่วยปิดไว้มากกว่า...
“นายอยู่ไหน เรียวอุค” เสียงเข้มเอ่ยออกมาแผ่วเบาราวกับพร่ำเพ้อ ความทรงจำอันงดงามปนขมขื่นหลั่งไหลเข้ามาทุกครั้งที่เขาหลับตา
ภาพที่ทั้งสองหยอกล้อกัน กอดกัน มีความสุข ไม่มีอีกแล้วในตอนนี้
“พี่คิดถึงนาย เรียวอุค” ร่างสูงซบหน้าลงกับเตียงนอนนุ่มนึกถึงยามกายทั้งสองกอดรัดกันบนเตียงหลังนี้
สัมผัสร้อนแรง รสชาติหวานซ่านของร่างบาง ทั้งหอม ทั้งหวาน เขาไม่เคยลืม จมูกโด่งยังคงได้กลิ่นกายของอีกคนที่ยังคงกำซาบอยู่บนผ้าห่มนิ่ม
“พี่เหงาเหลือเกิน นายจะรู้ไหมนะ”
เยซองยิ้มขมขื่น น้ำตาไหลลงมาช้าๆ “กลับมาได้ไหม
คนดีของพี่”
24 Dec 2012
02:16 am
“อ๊ะ พี่เยซอง ค่อยๆเดินนะครับ”
ร่างเล็กประคองคนตัวโตที่เมากลับมา เยซองไปสังสรรค์กับลูกค้าอีกแล้ว
เรียวอุคพยุงเยซองไปยังห้องน้ำล้างหน้าให้สดชื่น ก่อนจะวางร่างสูงไว้ที่เตียงอย่างทุลักทุเล
“หลับนะครับพี่เยซอง” เรียวอุคลูบใบหน้าคมที่เมาหลับไม่รู้เรื่อง นึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าขับรถกลับมาได้ไง
ก่อนจะผละไปหยิบกะละมังและผ้าขนหนูสีขาวมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ร่างสูง
“หลับฝันดีนะครับ ที่รักของผม
จุ๊ฟฟฟ” ริมฝีปากบางจุ๊บไปที่ริมฝีปากหนาด้วยความรัก
ถึงแม้ว่าเยซองจะหลับไปแล้วก็ตาม ร่างบางยิ้มเขินในการกระทำของตัวเอง ก่อนจะล้มตัวลงนอนใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน
แขนเรียวกอดกายแกร่ง หลับตาพริ้มอย่างเป็นสุข...จนกระทั่งเช้าวันต่อมา
ร่างสูงค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหัวจนแทบระเบิด
คงจะแฮงค์จากเมื่อคืนที่เขาไปปาร์ตี้กับลูกค้าจนลืมอีกคนที่รออยู่ที่บ้าน
เยซองค่อยๆมองไปรอบตัวก่อนจะสะดุดกับเข็มนาฬิกาที่บอกเวลา
“ชิบหายแล้ว ชิบหายแล้ว” ร่างสูงกระโดดผลุงจากเตียงตรงไปที่ห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
ร่างบางฮัมเพลงขณะทำอาหารเช้าในครัวปกติ
ก่อนจะหันไปเจอร่างสูงที่กระวีกระวาดลงมาจากชั้นสองของบ้าน ร่างบางอมยิ้มน้อยๆกับภาพที่เห็น
มือเล็กวางจานอาหารเช้าสองจานไว้บนโต๊ะอาหาร คิ้วสวยขมวดเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าร่างสูงไม่ได้สนใจอาหารเช้าแม้แต่น้อย
กลับรีบหยิบเอกสารข้าวของและทำท่าจะออกจากบ้านไป
“พี่เยซอง กินอาหารเช้าก่อนสิครับ”
เรียวอุคยิ้มหวานก่อนจะหุบลงเมื่ออีกคนหันหน้ายุ่งๆมาหา
“ทำไมเรียวอุคไม่ปลุกพี่
วันนี้พี่มีพรีเซ็นต์งานแต่เช้านะครับ” เสียงแข็งเอ่ยกับคนตัวเล็กที่ทำเอาใจหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“ผ ผมไม่รู้ว่าพี่มีงาน
ขอโทษนะครับ” เสียงหวานเศร้าลงเล็กน้อย
ก่อนจะพยายามคลี่ยิ้มอีกครั้ง “แต่ยังไงก็กินมื้อเช้าก่อนนะครับพี่
จะได้มีแรงพรีเซ็นต์งานไง”
“นายกินคนเดียวเหอะ เสียเวลาไม่เข้าเรื่องจริงๆ
แทนที่จะปลุกพี่ ดันเอาเวลามาทำอาหารเช้า พี่ไปละ” คนใจร้ายทิ้งถ้อยคำเสียดแทงก่อนจะออกจากบ้านและบึ่งรถไปอย่างรวดเร็ว
ยังไม่ทันจะรู้ตัว
ขอบตาของร่างบางก็ร้อนผ่าวก่อนน้ำตาเม็ดโตจะร่วงลงมาจากดวงตาคู่สวย
คนตัวเล็กที่ยืนนิ่งค่อยๆทรุดลงอย่างอ่อนแรง ปล่อยโฮออกมาอย่างเจ็บปวด
“ฮึก ฮืออออ ผมขอโทษครับ ฮืออออออ”
.
.
.
.
ปื้นนนนนนนนนนนนน!!!!
เสียงบีบแตรทำให้เยซองสะดุ้งโหยง
ร่างสูงมองไปรอบๆอย่างตื่นตระหนก
หูแว่วเสียงด่าทอเป็นภาษาสากลที่ไม่น่าฟังเท่าไรนัก ร่างสูงตั้งสติ ก่อนจะรีบขับรถต่อไปที่สถานที่สัมมนาด้วยรถของบริษัท
การขับรถชิดซ้ายของประเทศอังกฤษต่างกับเกาหลีที่ขับรถชิดขวาทำให้รู้สึกแปลกๆและไม่ค่อยสะดวกอยู่บ้าง
เพราะตำแหน่งพวงมาลัยและเกียร์อยู่ผิดที่ผิดทางจนน่าหงุดหงิดใจไปหมด แต่ในที่สุดเขาก็มาถึงโรงแรมที่หมายจนได้
เยซองปล่อยให้พนักงานนำรถไปจอด
ร่างสูงมองไปรอบๆสังเกตตึกรามบ้านช่องสไตล์ยุโรปแบบที่เขาไม่ค่อยจะได้เห็นนัก
ฝั่งตรงข้ามโรงแรมมีห้างเก่าแก่ชื่อดังตั้งอยู่
เยซองเห็นแล้วนึกถึงรายการของฝากยาวเหยียดจากเพื่อนฝูงญาติพี่น้องมากมาย แต่แล้วในเสี้ยววินาทีที่กำลังจะเดินเข้าประตูไป
สายตาคมพลันสะดุดกับคนที่ดูคุ้นเคยเหลือเกินเดินออกมาจากห้างนั้น
“ร เรียวอุค” ร่างสูงเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น
พยายามเพ่งแล้วเพ่งอีก จนแน่ใจ...ว่านั้นคือคนที่เขาเฝ้ารอมาตลอดนั่นเอง
ขายาวไม่รอช้า ก้าวเข้าไปหาคนตัวเล็กที่เดินข้ามถนนมาฝั่งเดียวกันกับตนพอดี
เหมือนว่าอีกคนจะยังไม่รู้ตัว ร่างบางเดินเล่นดูสิ่งของรอบทาง
จนกระทั่งจังหวะที่หันมาสบตากับร่างสูงพอดี
“พี่เยซอง” เสียงหวานเอ่ยเบาๆกับตัวเอง
คนที่เขาคิดว่าไม่มีทางจะได้เจอกันอีกกลับยืนอยู่ตรงหน้า คนตัวเล็กถึงกับทำอะไรไม่ถูกเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดเช่นนี้
“เรียวอุค เรียวอุคจริงๆใช่ไหม”
เยซองยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
ก่อนจะดึงร่างบางเข้าไปกอดด้วยความคิดถึงอย่างเหลือล้น
“พี่เยซอง” เรียวอุคตัวแข็งทื่อในอ้อมกอดแกร่งที่คุ้นเคย
ร่างบางไม่ได้กอดตอบหรืออะไรทั้งนั้น...
“ทำไมนายมาอยู่ที่นี่ล่ะเรียวอุค
พี่คิดถึงนายตามหานายจนแทบแย่เลยรู้ไหม” เยซองมองดูใบหน้าหวานที่ไม่ได้เห็นมานาน
“เอ่อ คือ”
“กลับไปกับพี่นะเรียวอุค
ไปอยู่ที่บ้านของเรา” เยซองยิ้มอย่างมีความสุขแขนแกร่งจะเอมไปกระชับเอวบางแต่ก็ไม่ทันคนตัวเล็กที่ค่อยๆถอยออกมาห่างๆ
“ผม ผม กลับไปไม่ได้หรอกครับ”
เรียวอุคก้มหน้าน้อยๆ เยซองหุบยิ้มไม่เข้าใจในคำตอบของเรียวอุค
“ทำไมล่ะเรียวอุค นายเรียนอยู่หรอ
พี่รอนายเรียนให้จบได้ แล้วเรากลับไปอยู่ด้วยกันนะ”
“ม ไมใช่อย่างนั้น” เสียงหวานแผ่วเบาเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก
มือซ้ายค่อยๆยกขึ้นมาชูแหวนสีเงินเงาวับที่นิ้วก้อย “ผมแต่งงานแล้ว”
เหมือนฟ้าผ่าที่กลางหัวของร่างสูง
สีเงินที่สะท้อนเข้าตาของเขาบอกว่าเรื่องราวทั้งหมดมันเป็นความจริง
เรียวอุคที่พอรับรู้อาการของคนตรงหน้าได้ก็รู้สึกสงสารอีกคนอย่างจับใจ
“ท ทำไมล่ะ ทำไมล่ะเรียวอุค”
เยซองไม่เข้าใจ ที่ผ่านมา ที่เขาเฝ้ารอ เฝ้าตามหา
มันคือความสูญเปล่างั้นหรือ
“ผมขอโทษด้วยที่ไปโดยไม่บอก
แต่ผมคงทนอยู่กับคนอย่างพี่ต่อไม่ได้จริงๆ” เรียวอุคก้มมองดูมือของตัวเอง
พยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลลงมา “สิ่งที่ผมทำเพื่อพี่
พี่ไม่เคยสนใจ ไม่เคยเห็นผมเป็นคนสำคัญ ผมจะอยู่ต่อทำไมล่ะครับ”
“พ พี่” ร่างสูงหมดซึ่งคำพูดใดๆ
ในขณะที่กำลังคิดหาถ้อยคำต่างๆนั้น ก็มีเสียงหนึ่งแทรกมาพอดี
“เรียวอุค ซื้อของเสร็จหรือยัง”
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาพร้อมกับจับมือเล็กเอาไว้แนบแน่น
สายตาคมแลเห็นแหวนแบบเดียวกันบนนิ้วนางข้างซ้ายของชายคนนี้ก็รู้ได้ทันที
“นี่ใครหรอ เรียวอุค” ชายหนุ่มร่างโปร่งหันไปถามคนตัวเล็ก
“อ๋อ นี่พี่เยซอง
เป็นรุ่นพี่ที่รู้จักกันน่ะ เอ่อ พี่เยซอง นี่ คยูฮยอน แฟนของผมเอง”
“สามีต่างหาก
เราแต่งงานกันแล้วนะตัวเล็ก” เยซองพยายามเก็บอารมณ์เมื่อเห็นคยูฮยอนหันไปหยอกล้อกับร่างบางอย่างมีความสุข
“อ่า จริงด้วย ฉันลืมไป คิคิ
งั้นผมไปก่อนนะครับ พี่เยซอง” ทั้งสองโค้งลาเยซองก่อนจะเดินเคียงคู่จากไป
เยซองได้แต่มองตามหลังคนสองคนที่อิงแอบแนบชิดกัน
นึกเสียดายและเสียใจที่ข้างกายของร่างบางไม่ใช่ตนเองอีกต่อไป
“พี่ขอโทษนะเรียวอุค” เยซองรำพึงถึงอีกคนเบาๆ ก่อนจะขายาวจะวิ่งเข้าหาคยูฮยอน
มือหนาดึงไหล่อีกคนให้หันมาเผชิญหน้ากับตัวเองแล้วเหวี่ยงหมัดใส่ใบหน้าหล่อไม่ยั้ง
ท่ามกลางเสียงห้ามของร่างบางที่ไม่เข้าสู่โสตประสาทของเยซองเลย
“อ่า พี่เยซอง โอ๊ยย”
“พี่เยซอง หยุดนะ!!!”
.
.
.
.
ปื้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
ร่างสูงสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงแตรรถยาว
เยซองหันมองไปรอบๆอย่างประหลาดใจกับสภาพแวดล้อมคุ้นๆ ที่นี่ไม่ใช่อังกฤษ
แต่เป็นสี่แยกก่อนถึงบ้านเขาต่างหาก
“อะไรวะเนี่ย ทำไมเหมือน” เยซองรู้สึกคุ้นเคยกับเหตุการณ์และสภาพนี้มาก
มือหนาคว้าโทรศัพท์มาดูเวลาก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“ป เป็นไปไม่ได้ 4 พฤศจิกา 2011 ห้าทุ่มสี่สิบห้า” เยซองพยายามตั้งสติว่าตัวเองฝันไปหรือไม่ แต่ก็นึกได้ไม่เท่าไร เสียงแตรด้านหลังก็บีบยาวอีก
จนร่างสูงต้องจำใจขับรถกลับบ้านก่อน
ไฟทั้งบ้านดับปิดสนิทเหมือนไม่มีคนอยู่
ร่างสูงค่อยๆเดินไปทั่วบ้าน
“ท ทำไมมันเหมือนคืนนั้นเลยนะ”
เยซองนึกถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับตน ถ้าเหมือนในคืนนั้น
ถ้าเราเรียกชื่อของอีกคน แล้วเขาคนนั้นจะโผล่มาหรือเปล่านะ
“ร เรียวอุค” เยซองตัดสินใจลองเรียกชื่อของร่างบาง “นายอยู่ไหน
เรียวอุค”
พรึ่บ!!!
ไฟทั้งบ้านสว่าง แต่เป็นเพียงแสงสลัวๆเท่านั้น
เยซองใจเต้นระรัว ค่อยๆหันไปมองที่ครัวช้าๆ
“พี่เยซองง” เสียงหวานที่คุ้นหู
กับชุดเสื้อเชิ้ตสุดเซ็กซี่ ทำให้เขาเบิกตากว้างด้วยความดีใจ
“เรียวอุค” เยซองรีบวิ่งเข้าไปกอดร่างบางแน่น
จนอีกคนแทบหายใจไม่ออก
“อ๊ะ พี่เย่
วันนี้เป็นอะไรครับเนี่ย”
“เป็นคนที่รักเธอ” เยซองตอบกลับไปแบบไม่อาย เล่นเอาร่างบางไม่กล้าทำตามที่ตัวเองวางแผนไว้
แผนเซอร์ไพรส์ในวันครบรอบไงล่ะ
เรียวอุคอุตส่าห์เป็นคนเริ่มก่อนเลยนะ งื้อออ เขินจัง
“อ เอ่อ
แล้วทำไมวันนี้กลับช้าล่ะฮะ” ร่างบางถามอย่างเคอะเขินกับการกระทำของตัวเองและจากคำพูดของเยซองด้วย
“ลืมแล้วหรอ วันนี้วันอะไร”
“วันครบรอบของเราไงครับ คนดี”
จมูกโด่งคลอเคลียที่แก้มใส “ขึ้นห้องเถอะครับเบบี้
พี่อยากขี่ยีราฟ”
“บ บ้า” แขนเล็กตีไปที่แขนแกร่งดังอั้ก
ก่อนจะผลักให้ร่างสูงนั่งลงที่เก้าอี้อย่างว่าง่าย “ตรงนี้ก็ได้ครับ”
ร่างสูงตอบรับจูบของอีกคนอย่างเร่าร้อน
มือหนาสอดเข้าไปใต้เสือเชิ้ตลูบไล้ผิวเนียนลื่นมือ
ร่างบางนั่งคร่อมอยู่บนตักแกร่งวาบหวิวไปทั้งร่างในท่าที่กายทั้งสองแนบชิดกันขนาดนี้
ริมฝีปากหนาไล้จูบซับลงมาเรื่อยๆจนถึงแผงอกบาง
ใบหน้าคมฝังฝากรอยรักสูดดมกลิ่นกายหอมเย้ายวนอย่างเพลิดเพลิน
‘เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ
เหมือนจะมีอะไรกำลังเกิดขึ้น’
มือเล็กรูดซิปกางเกงทำงานของร่างสูงลง
พลางสบสายตายั่วยวนกับอีกคน ร่างสูงเห็นแล้วก็บดเบียดเรียวปากอิ่มแดงอีกรอบอย่างไม่รู้เบื่อ...
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ดังทลายห้วงสวาทลง
ร่างสูงสบถหยาบคายก่อนจะรับโทรศัพท์ด้วยอารมณ์ไม่ประสบดีนัก ร่างบางซบลงกับอกแกร่ง
นิ้วชี้ไล่เขี่ยกล้ามเนื้ออกแข็งอย่างเพลิดเพลิน
“ฮัลโหล ใช่ ห่ะ งานมีปัญหา คุณบอกว่างานมีปัญหาตอนเที่ยงคืนเนี่ยหรอ”
เรียวอุคมองร่างสูงที่คุยโทรศัพท์ แอบลุ้นในใจว่า
ร่างสูงจะต้องออกไปไหม
“แล้วไม่มีคนอื่นแล้วหรือไง
ผมต้องออกไปหรอ” ร่างบางลุกออกจากตักแกร่งอย่างเซ็งๆ
เมื่อได้ยินคำพูดของเยซอง แต่ยังไม่ทันได้ไปไหน มือหนาก็จับมือเล็กเอาไว้เสียก่อน
“ไปบอกคุณคังอินละกัน
ผมขอตัวไปฟัดกับเมียก่อน ห้ามโทรมารบกวนนะ ขอบคุณ” ร่างสูงกดวางสายอย่างรวดเร็ว
ก่อนจะกดปิดเครื่องโทรศัพท์และโยนทิ้งอย่างไม่ใยดี
“พ พี่เยซอง” ร่างบางทั้งเขิน ทั้งอายกับสิ่งที่เยซองเพิ่งพูดออกไป แต่ก็เขินได้ไม่เท่าไร
มือหนาก็กระตุกให้ร่างบางนั่งลงบนตักแกร่งอีกครั้ง เสียงทุ้มแหบพร่ากระซิบข้างใบหูอย่างพยายามควบคุมอารมณ์
“เมื่อกี้ถึงไหนแล้วนะครับ”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น