Devil
Yesung
7:45 pm
ร่างบางหยิบหนังสือบนรถเข็นขนาดเล็กวางไว้บนชั้นหนังสืออันใหญ่ หอสมุดมหาวิทยาลัยปิดเวลาสองทุ่ม
เขาคงไม่ต้องมาอยู่ดึกขนาดนี้ถ้าหากเด็กปี 1 ไม่มีกิจกรรมเฟรชชี่ไนท์
ประธานชมรมรักการอ่านอย่าง คิมเรียวอุค ปี 3 จึงต้องมารับหน้าที่เวรจัดหนังสือในวันนี้แทน
“เหลืออีกเยอะเลย ฮ่า ต้องรีบแล้ว” ร่างบางพึมพำพลางรีบเข็นรถหนังสือไปยังชั้นหนังสืออื่น
หอสมุดตอนใกล้เวลาปิดมันน่าอยู่ซะที่ไหนกัน ถึงแม้จะเพิ่งหัวค่ำก็ตาม
กึก
กึก
เสียงฝีเท้าของใครบางคนทำให้ร่างเล็กสะดุ้งในครั้งแรกที่ได้ยิน
ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า อาจจะเป็นของนักศึกษาที่ยังอยู่ในหอสมุดก็ได้
“ให้ตาย ทำไมขวัญอ่อนจังเรา” เรียวอุคถอนหายใจก่อนจะขยับแว่นหนา
มือเล็กหยิบหนังสือขึ้นมาวางไว้บนชั้นและรีบเข็นไปชั้นวางอื่นต่อไป
“ถ้าขวัญอ่อนก็ให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนไหมล่ะ” เสียงทุ้มแสดงความหวังดีดังมาจากข้างหลัง
เรียวอุคชะงักกึกก่อนจะถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายเต็มประดา
“เยซอง” ร่างบางเรียกชื่ออีกคนอย่างห้วนๆ
ร่างสูงแสยะยิ้มก่อนจะเดินเข้ามาหาเรียวอุค
“ไง ถ้านายขวัญอ่อน ฉันยินดีอยู่ปลอบขวัญนาย...ทั้งคืน” มือหนาสัมผัสแก้มใสแผ่วเบา ก่อนจะถูกมือเล็กปัดออกไปอย่างรวดเร็ว
“ทุเรศ! มาทำบ้าอะไรที่นี่”
“คิดถึงเมีย”
“ฉันไม่ใช่!”
“จะดูคลิปไหมล่ะ”
ร่างบางกำที่จับรถเข็นแน่น รู้สึกได้ว่าใบหน้าตัวเองกำลังร้อนฉ่า แยกไม่ออกว่าตัวเองกำลังโกรธหรือเขิน
อาจจะเป็นทั้งสองอย่างปนกัน!
“ไปให้พ้น!” ร่างบางตวัดสายตาแสดงออกถึงความขยะแขยงในตัวร่างสูงตรงหน้า
ก่อนจะหันไปจัดหนังสือต่อ ร่างสูงมองคนตัวเล็กตรงหน้าด้วยสายตาขบขัน มือหนาจับข้อมือเล็กก่อนจะพลิกให้เรียวอุคหันมาหาเขา
เสียงหวานร้องแผ่วเบา เมื่อตนถูกผลักติดชั้นหนังสือตามด้วยคนตัวสูงที่เข้ามาแนบชิด
“คืนนั้นไม่เห็นไล่กันอย่างนี้เลยนี่” เสียงทุ้มที่กระซิบอยู่ข้างหูทำให้ร่างบางขนลุก
“ฉันเมา นายก็รู้ แล้วทำไมไม่ปล่อยฉันไปเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆของนายล่ะ อื้อออ”
เสียงหวานเปลี่ยนเป็นเสียงครางต่ำเมื่อริมฝีปากหนาบดลงมาอย่างเอาแต่ใจ
ร่างบางตอบรับจุมพิตอย่างเผลอไผล
ก่อนอีกคนจะผละออกเมื่อรับรู้ว่าร่างเล็กขาดอากาศหายใจ
“น นายมันปีศาจ อ่าห์” ริมฝีปากบางบวมแดงเผยออ้ารับออกซิเจน
ใบหน้าหวานเงยขึ้นเมื่อริมฝีปากหนาขบเม้มไปตามคางสวย ดวงตากลมหลับลงอย่างเคลิบเคลิ้มโดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ตัว
“วันนี้มาค้างหอฉันนะ” จมูกโด่งกดลงบนแก้มนิ่ม
ใบหน้าหล่อแนบกับใบหน้าของอีกคน
“ฉันปฏิเสธได้ด้วยหรอ” ร่างสูงอมยิ้มเมื่อได้ยินคำตอบ
ช่างแตกต่างจากอีกคนเหลือเกิน
“ช่วยนายจัดหนังสือดีกว่า” ร่างสูงผละออกก่อนจะหยิบหนังสือขึ้นมาวางบนชั้น
ใบหน้ายิ้มระรื่นของคนโลภมากทำให้ร่างบางยิ่งหงุดหงิด
‘ฉันทำกรรมอะไรไว้กับไอ่บ้าเพลย์บอยนี่กันนะ!’
คืนนั้นร่างบางก็ต้องตามไปค้างที่หอเยซองอย่างช่วยไม่ได้
เรื่องราวทั้งหมดมันเริ่มจากคืนที่เขาดื่มหนักมากไปหน่อยในปาร์ตี้วันเกิดของชินดง แล้วก็เป็นเยซองที่อาสาพาเขาไปส่งที่หอ
แต่ตื่นเช้ามาเขาพบว่าตัวเองกลับนอนอยู่ข้างมันในสภาพที่น่าอาย แถมหลังจากนั้นมันก็ตามรังควาญทุกวันแบบนี้
ไม่เข้าใจเลยจริงๆ...
“อ่ะ”
ร่างบางค่อยๆลุกจากเตียงนุ่ม
อาการปวดร้าวที่ช่วงล่างทำให้เขาทรุดไปพิงกับพนักเตียง รอยแดงริ้วตามผิวสวยกับความเหนอะหนะยังคงเด่นชัด
นึกหงุดหงิดตัวเองที่เมื่อคืนยอมโอนอ่อนผ่อนตามอีกคนจนลุกแทบไม่ไหวขนาดนี้
“ไง ตื่นแล้วหรอ” เสียงทุ้มเรียกให้ร่างบางหันไปมองคนที่กำลังลุกขึ้นมานั่งข้างเขา
ใบหน้าใสไร้กรอบแว่นนั่นทำให้ชายหนุ่มอารมณ์ดี ถึงแม้ว่าอีกคนจะมองมาด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรก็เถอะ
แต่เยซองก็หาได้กลัวไม่ จมูกโด่งกดลงบนแก้มนวลอย่างหมั่นเขี้ยวตามมาด้วยจุมพิตร้อนแรงจนแทบขาดใจ
“แฮ่ก แฮ่ก” มือหนาประคองใบหน้าหวานที่หอบน้อยๆ
ริมฝีปากแดงเผยอยิ่งทำให้เขาอยากจะบดขยี้ลงไปซ้ำๆอีกไม่รู้เบื่อ
“ตอนนายไม่ใส่แว่นนี่ น่ารักดีนะ” เสียงแหบพร่าเอ่ยกับอีกคน
มือหนาสัมผัสแก้มใสที่ซับสีแดงจางๆ
“ฉัน เอ่อ ไปอาบน้ำก่อนนะ” เกือบจะหลงไปกับคำหวานนั้น
ร่างบางลุกจากเตียงแต่ก็ต้องถูกรั้งไว้ด้วยมือหนา
“อาบด้วยสิ”
“ทะลึ่ง!”
เสียงหวานแวดใส่ก่อนมือเล็กสะบัดมืออีกคนออก ร่างสูงยิ้มเหมือนคนบ้ามองดูร่างบางกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้าห้องน้ำไป
“ซองมิน เมื่อวานซืนที่พวกเด็กปี 1 ลากัน
นายไม่ยอมมาช่วยฉันจัดหนังสือเลยนะ!” เสียงหวานแวดใส่
ลีซองมิน เพื่อนซี้ของตนที่ได้แต่ส่งยิ้มแหะๆ กลับมาให้
“แหม อุคกี้ ก็มินมีนัดสำคัญนี่นา วันหลังมินจะไม่หนีอีกแล้ว” กระต่ายอวบเดินเข้ามาหาคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานประจำ
“ให้ตายสิ เห็นเด็กปี 1 นั่นสำคัญกว่าเพื่อนหรอ”
ร่างบางทำปากพองลม
“อย่างอนเราเลยน้า อุคกี้ ก็คยูน่ะ เฮ้ยยยย! อุคกี้”
เสียงซองมินแหลมขึ้นจนเรียวอุคต้องเงยหน้าจากงานขึ้นมามอง
“อะไรหรอ”
“แว่น แว่นนายไปไหนอ่ะ” นิ้วอวบจิ้มไปที่โหนกแก้มตัวเอง
“นี่นายใส่คอนแท็คเลนส์หรอ”
“ช ใช่ ทำไมอ่ะ” เรียวอุคลูบโหนกแก้มตัวเองที่เคยมีแว่นหนาพาดอยู่แผ่วๆ
“น่ารักมากเลยรู้ไหม เนี่ยฉันบอกให้นายใส่ตั้งนานก็ไม่ยอมสักที” ซองมินนั่งลงที่เก้าอี้โต๊ะตัวเองที่อยู่ข้างๆกัน “ว่าแต่น่าสงสัยจริงๆเลยนะ
มีใครที่ไหนบอกให้เปลี่ยนหรือเปล่าเนี่ย”
“ไม่มีหรอกน่า นี่ฉันงอนนายอยู่นะ อย่ามาทำเปลี่ยนเรื่อง”
“นึกว่าจะเบี่ยงเบนความสนใจนายได้ซะล่ะ คิคิ” ซองมินฉีกยิ้มเขินที่โดนประธานคนเก่งจับได้
“ฉันไปเช็คหนังสือใหม่ดีกว่า”
ในขณะเดียวกัน...
“ฉันล่ะไม่เข้าใจนายจริงๆหวะเย่ หอสมุดมีดีอะไรวะ ทำไมชวนพวกฉันมาจ๊างงงงง”
หนุ่มล่ำเตี้ยบ่นขณะมือก็กดไอโฟนไปด้วย “เอ่า
นี่ในลิฟต์ก็ไม่มีสัญญาณอีกไง ทำไมลิฟต์มันช้าจังวะ”
“บ่นได้ทุกเรื่องจริงๆนะดงเฮ ดูไอ่ฉ่อยมันยังไม่บ่นเลย” เยซองว่าพลางยืนพิงพนังลิฟต์
“เอาน่าดงเฮ อย่างน้อยฉันว่ามันก็ยังมีแอร์กับปลั๊กให้ชาร์ตไอโฟนนะเว้ย”
คุณชายซีวอนที่ยืนพิงพนังลิฟต์อีกข้างว่า ก่อนจะหันมาทางเยซอง “แต่มันก็น่าสงสัยนะ ช่วงนี้นายมาหอสมุดบ่อยจังเย่ บ่อยกว่าไปเที่ยวผับกับพวกฉันซะอีก”
ตึ๊ง
“ใช่ มันน่าสงสัยไหมซีวอน เมื่อวานฉันชวนมันไปเที่ยวร้านเปิดใหม่ก็ไม่ไป”
ทั้งสามคนเดินออกมาจากลิฟต์
“หืมมม? ร้านใหม่ ก็ไม่ชวนกุไงเพื่อน ทำไมชวนแต่ไอ่เย่” ซีวอนโวยกับดงเฮเมื่อได้ยินว่าร้านใหม่ที่เปิดไม่นานแถมยังมีโปรโมชั่นคุ้มสุดๆ
“ก็มึงไม่ตอบไลน์กุไงสาส ไอโฟนมึงตกโถส้วมหรือไงวะ” เกิดศึกเล็กๆระหว่างซีวอนกับดงเฮขึ้น
เยซองไม่ได้มีท่าทีที่สนใจทั้งสองคนนั้นเลย
กลับกันมัวแต่ชะโงกหน้าไปมาราวกับกำลังมองหาใครอยู่อย่างนั้น
จนสายตาคมไปสบกับสายตาของร่างบางที่เขามองหา ใบหน้าหวานปราศจากกรอบแว่นหนาเตอะ
ทำให้ร่างสูงกระตุกยิ้มอย่างพอใจ
กลับกันร่างบางจิกสายตาพิฆาตใส่จนร่างสูงต้องหัวเราะออกมาเบาๆ
‘ให้ตายสิ มันจะมาบ่อยทำไมนักหนาวะ’ ร่างบางคิดในใจขณะที่ตนรีบก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป
“เฮ้ย เดี๋ยวๆเยซอง พวกกุจะฆ่ากันตายแล้วเนี่ย ไม่คิดจะห้ามพวกกุหน่อยอ่อ?”
ดงเฮหันไปมอง เยซองที่ยังคงไม่สนใจเขาเหมือนเดิม
แต่กลับยืนนิ่งส่งยิ้มไปให้ใครก็ไม่รู้ อ่อม นี่มันหลุดไปอยู่โลกไหนแล้วล่ะเนี่ย
ดงเฮหันไปสบตากับซีวอน
ก่อนคนทั้งสองจะมองไปในทิศเดียวกับที่เยซองส่งยิ้มไป
“ห้ะ นี่นายยิ้มให้คิมเรียวอุคหรอ?” ซีวอนโพล่งขึ้นอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นว่าเยซองกำลังยิ้มไปทางร่างบางที่นั่งอยู่ที่โต๊ะบรรณารักษ์ประจำชั้น
“หูววววว เล่นของสูงนะมึงเดี๋ยวนี้” ดงเฮจับไหล่เยซองให้หันมา
“เขาเป็นเด็กเนิร์ด เกียรตินิยมนะเว้ย
เขาไม่ลดตัวมาคุยกับมึงหรอกเพื่อน……นอกจากมึงจะเป็นหนังสือ”
“กร๊ากกกกกกกกก” เพื่อนตัวแสบพากันหัวเราะจนคนเริ่มหันมามอง
หัวเราะได้น่าถีบมากจริงๆ
“เพื่อน ไหนบอกจะฆ่ากันตาย ทีตอนนี้ล่ะสามัคคีรุมกุเชียว” เยซองมองทั้งสองคนที่พยายามกลั้นหัวเราะอย่างหมั่นไส้
มาดูถูกคาสโนว่าระดับท่านเยซองนี่มันน่านัก
“เออๆ พวกกุหาที่นั่งเล่นชาร์ตไอโฟนดีกว่า” ดงเฮว่าพลางเกาะไหล่ซีวอนคนตัวสูง
“งั้นกุไปหาอะไรอ่านก่อนนะ” เยซองพยักหน้า
“แหน่ะๆ” ซีวอนชี้ไปที่หน้าเยซองอย่างจับผิด “มาอ่านหนังสือหรือมาอ่านบรรณารักษ์ เอาให้แน่”
“อ่านอะไรก็เรื่องของกุ ไปได้แล้วไป๊!” เยซองปัดมือไล่ทั้งสองคน
ที่ถึงแม้ว่าจะเดินไปห่างจากเยซองแล้วก็ยังส่งสายตาล้อเลียนมาให้
ร่างสูงก็ได้แต่ขยับปากด่าไปแบบไม่มีเสียง
‘เอาล่ะ มารผจญไปแล้ว เรียวอุคก็นั่งอยู่ตรงนั้น’
ร่างสูงเดินเข้าไปหาอีกคนอย่างไม่ลังเล
ร่างบางก้มหน้าเขียนอะไรยุกยิกอยู่บนโต๊ะใช่ว่าจะไม่รู้ตัวว่าเยซองกำลังเดินไปหา...
‘อย่าเดินมาทางนี้เลยนะขอร้องง T T’
“นี่” มาถึงก็เท้าแขนทั้งสองข้างลงบนโต๊ะ
ร่างบางเรียวอุคเงยหน้าขึ้นมองอีกคนที่เริ่มแรกก็ส่งสายตาโลมเลียมาอย่างไม่ปิดบัง “ทำไมวันนี้ไม่ใส่แว่นล่ะ”
“ฉันลืมแว่น เลยไปซื้อคอนแท็คเลนส์มาใส่” เรียวอุคตอบเสร็จก็ก้มหน้าลงอีกครั้ง
ราวกับอีกคนไม่ได้อยู่ในสายตา
“หืมม? ลืมแว่น ลืมไว้ไหน ห้องฉันหรือเปล่า”
“เยซอง!” ดวงตากลมโตตวัดมองอีกคนที่กระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์
“โอ๋ ฉันขอโทษ อย่าโกรธกันเลยนะ” เสียงทุ้มอ่อนลงจนร่างบางแทบจะใจอ่อน
เรียวอุคก้มหน้าลงถอนหายใจเบาๆ
มือหนาเอื้อมมาสัมผัสแก้มใสแต่ร่างบางหันหน้าหนีอย่างรวดเร็ว
เยซองกระตุกยิ้มก่อนมือหนาจะหยิบถุงคุกกี้เล็กๆของโปรดของร่างบางวางไว้บนโต๊ะ
“นี่ ห้องสมุดห้ามเอาขนมเข้ามากินนะ” บรรณารักษ์ตัวน้อยขมวดคิ้วเมื่อเห็นถุงคุ้กกี้ช็อกโกแล็ตนั่นวางอยู่ตรงหน้า
“ไม่ได้มากินเอง เอามาให้บรรณารักษ์” ร่างสูงยิ้มมุมปาก
มือหนาล้วงกระเป๋าทำเหมือนว่าตัวเองเท่นักหนาจนร่างบางอดเบะปากด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้
“เอามาให้ซองมินหรอ ได้สิ”
“ให้นาย”
“……”
ดวงตากลมโตช้อนมองอีกคนช้าๆ ไร้ซึ่งคำพูดโต้ตอบ
มันสมองระดับเกียรตินิยมเหมือนจะตื้อไปในทันที
ใบหน้าหวานขยับห่างตามสัญชาตญาณเมื่อเยซองก้มลงมาใกล้มากขึ้น
“นั่งในที่ที่ห้ามกินขนมเกือบทั้งวัน เดี๋ยวก็หิวตายหรอก” เสียงเข้มเอ่ยเบาๆ พอให้ได้ยินแค่สองคน ก่อนจะผละออกมา
“ฉันไปก่อนนะ” มือหนายกโบกขึ้นลา
พร้อมกับขยิบตาหว่านเสน่ห์อย่างเคยชิน
เรียวอุคได้แต่กระพริบตาปริบๆมองอีกคนเดินออกไป
มือเล็กยกขึ้นจับแก้มนวลทั้งสองข้างของตน
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันด้วยความประหม่าที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจ
‘ฉันกำลังเขินไอ้บ้านั่นอยู่หรอ??!!’
“นี่ ท่านประธานชมรม
วันศุกร์นี้ไปงานวันเกิดคยูฮยอนไหม คยูฝากชวนนายมานะ”
เรียวอุคเงยหน้าจากการบ้าน
ก่อนจะชะงักเมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์งานวันเกิดล่าสุดที่ไปมา
‘วันเกิดอีกแล้วหรอ คราวนี้ฉันจะเมาจนเผลอไปกับใครอีกไหมเนี่ย’
“ขอคิดก่อนละกันนะ”
“เอ้า ทำไมล่ะ ไม่ว่างหรอ” ซองมินเกาะแขนอีกคน พร้อมส่งสายตาอ้อนวอน “ไปเป็นเพื่อนหน่อยสิ”
“ตลกละ พวกนายคบกันอยู่ไม่ใช่หรอ เอาฉันไปเป็นก้างทำไมห้ะ” นิ้วชี้จิ้มไปที่หน้าผากอีกคนอย่างหมั่นไส้
“พวกฉันไม่ได้คบกันสักหน่อย”
ซองมินปฏิเสธหน้าแดงแจ๋ พลางลูบหน้าผากตัวเองป่อยๆ “นายนั่นแหล่ะ
เอาแฟนนายไปเปิดตัวหน่อยสิ วันนี้ยังเห็นเอาคุกกี้มาให้อยู่เลยไม่ใช่หรือไง
เห็นละอิจฉาจริงจริ๊งงงง”
“ม ไม่ใช่นะ” เรียวอุคโบกมือสองข้าง
หน้าแดงระเรื่อนั่นส่ายหน้าปฏิเสธรัวๆ
“แหม่ๆ
ตำนานรักระหว่างหนุ่มฮ็อตเพลย์บอยกับเด็กเรียนสุดเพอร์เฟค โอ้ยยยยย ฟินจังเลย” คนพูดทำหน้าตาเพ้อฝันจนเรียวอุคหมั่นไส้อยากจะทุบสักที
นั่นนายกำลังล้อเลียนฉันอยู่ไม่ใช่หรือไง ซองมิน!!!
“เพ้อเจ้อละกระต่ายอ้วน
ฉันไม่ได้ชอบเขาสักหน่อย กลับบ้านไปเลยไป”
ร่างบางชี้นิ้วไปที่ประตู ซองมินยังคงยิ้มส่งลายตาล้อเลียนเมื่อเห็นอีกคนหน้าแดงแจ๋
นายปิดฉันไม่มิดหรอกน่า เรียวอุค
“ก็ได้ๆ ก่อนกลับฉันอยากจะบอกว่า
ถึงนายไม่ได้ชอบเขาแต่เขาอาจจะชอบนายก็ได้นะ เยซองน่ะ”
เรียวอุคเงยหน้าขึ้นมามองซองมิน ก่อนอีกคนจะเดินไปที่ประตู
‘ชอบเรางั้นหรอ’
“คิดดีๆนะ บ๊ายบายย” อีกคนโบกมือไหว
ก่อนจะกลับบ้านไป
“เห้ออออออ” เรียวอุคถอนหายใจเฮือกใหญ่
คนตัวเล็กมองไปที่ถุงคุกกี้ที่ยังคงวางอยู่บนโต๊ะ เขาหยิบมันขึ้นมา
ก่อนจะแกะถุงแล้วหยิบคุกกี้ช็อกโกแล็ตของโปรดเข้าปาก
ตึ๊ง ตึง
คนน่ารักหยิบไอโฟนขึ้นมาดู
ตากลมโตเบิกขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าใครส่งไลน์มา
Yesung Kim :
วันนี้ว่างไหม
ช่วยติวให้หน่อยสิ
ร่างบางถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
เขาเข้าใจดี ว่าคำว่า ‘ติว’ ของเยซองนั่นน่ะ มันหมายถึงอะไร
KRW:
เลิกใช้มุกแบบนี้เถอะ พรุ่งนี้ฉันมีเรียนเช้านะ!
Yesung Kim:
อย่าเพิ่งโกรธสิครับ ฉันจะให้นายติวการบ้านฟลูอิดให้จริงๆ
น่านะ
อันนั้นเอาไว้คืนวันศุกร์ละกัน ;p
KRW:
ไอ้ลามก พูดหมาๆแบบนี้ นายจะให้ฉันติวไหมตกลง?
Yesung Kim:
โอ้ยยยย ขอโทษค้าบบ
ผมผิดไปแล้ววว
ตอนนี้อยู่ไหน ผมจะรีบบึ่งไปรับอ.สุดที่รักเลยครับผม
KRW:
สุดที่รักบ้าไร!??!
หอสมุด เดี๋ยวลงไป
เยซองส่งสติ๊กเกอร์ยักคิ้วกวนๆมาให้จนอีกคนเผลออมยิ้ม
ก่อนบรรณารักษ์ตัวน้อยจะเก็บของและลงไปรอเยซองตามที่นัดกันไว้
At xxx café
“นายเห็นไหม
ถ้าความสูงตรงท่อสองอันนี้เท่ากัน ความดันก็จะเท่ากัน เราก็จะ jump across ได้”
เสียงหวานอธิบายวิธีทำโจทย์ให้อีกคนที่วันนี้ดูตั้งใจไม่น้อย
“อ่าห้ะ”
เยซองพยักหน้าพลางจดตามที่เรียวอุคพูดในชีท
“แล้วถ้าท่อมันสูงขึ้นมาแบบนี้ ทำยังไงต่อรู้ไหม” เยซองเงยหน้าขึ้นมา เมื่อเรียวอุคถาม
“อ๋ออ ตรงนี้เพิ่งอ่านมาพอดี ความดันจะลดลง ก็ต้องเอาไปลบใช่ไหม” ร่างสูงตอบอย่างมั่นใจ ก่อนจะก้มลงเขียนจนใบหน้าหล่อแทบติดกระดาษ
ท่าทางตั้งใจและเอาจริงเอาจังแบบที่ร่างบางไม่เคยเห็น
ทำให้เรียวอุคเองฉายแววตาสนใจโดยที่ไม่รู้ตัว
“ฉันทำถูกไหม”
เยซองยื่นกระดาษให้อีกคนตรวจเช็ก ก่อนจะใบหน้าหวานจะพยักหน้าทำให้ร่างสูงยิ้มอย่างดีใจ
“ไม่มีรางวัลให้นักเรียนคนเก่งหน่อยหรอครับ อาจารย์” ใบหน้าหล่อยิ้มกรุ้มกริ้ม
ก่อนจะหลบกระดาษทิชชู่ที่อีกคนขว้างมาด้วยความหมั่นไส้
“ทำให้เสร็จอีกสองสามข้อเร็วๆ ฉันจะรีบกลับบ้าน” คนน่ารักขู่ฟอดเหมือนแมวตัวน้อยๆในสายตาอีกคน
เยซองเอ่ยรับคำก่อนจะก้มหน้าอ่านโจทย์ข้อต่อไปอย่างจริงจัง
รถเก๋งยุโรปคันหรูหยุดลงที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง
เป็นเยซองที่ขับรถมาส่งร่างบางหลังจากที่ติวเสร็จ
ทั้งสองนิ่งอยู่พักหนึ่งก่อนร่างสูงจะเอ่ยออกมา
“ขอบคุณมากนะ ที่มาช่วยสอนฉันวันนี้ ฉันเข้าใจขึ้นเยอะเลย” เยซองหันมากล่าวขอบคุณกับอีกคนพร้อมกับรอยยิ้ม
“อื้ม” ร่างบางพยักหน้าพร้อมโปรยยิ้มหวาน
ห้องโดยสารจะเงียบไปพักหนึ่งอีกครั้ง
“เรียวอุค”
เสียงเข้มเรียกชื่ออีกคนให้หันมา มือหนาเคลื่อนจากเกียร์ไปกุมมือของคนข้างๆไว้
เรียวอุคเงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะเห็นว่าใบหน้าหล่อนั่นค่อยๆเคลื่อนเข้ามาหาตนช้าๆ
และดวงตาหวานก็ค่อยๆหลับพริ้มเช่นกัน
ริมฝีปากทั้งคู่บดเบียดเข้าหากัน
ลิ้นเล็กถูกเกี่ยวกระหวัดดึงจนร่างบางแทบจะลอยได้ มือหนาเคลื่อนไปพันรอบเอวเล็ก
ในขณะที่แขนเรียวก็เลื่อนไปโอบรอบคออีกคน
แรงดูดดึงเล็กๆที่ริมฝีปากทำให้ร่างบางเผลอครางในลำคอ จนกระทั่ง
ร่างสูงรับรู้ได้ว่าลมหายใจของอีกคนเริ่มหมด จึงค่อยๆผละออกอย่างเสียดาย
“ฝันดีนะ” เอ่ยแนบชิดริมฝีปากบาง
ก่อนจะกดจูบย้ำลงไปบนเนื้อนุ่มหยุ่นที่ตอนนี้ขึ้นสีแดงจัด
เรียวอุคตอบรับในลำคอ ก่อนจะลงจะรถไป เยซองมองอีกคนที่นิ่งเงียบไม่พูดอะไร
นอกจากซ่อนใบหน้าหวานที่ตอนนี้เห่อร้อนจนแทบสุก
กรึก
ร่างบางยังคงยืนพิงบานประตูไม้หลังจากที่เข้ามาในบ้าน
หัวของเขาว่างเปล่าขาวโพลนตั้งแต่ที่เดินลงมาจากรถนั่น ถ้าเปรียบความคิดของเขาเหมือนตัวอะไรสักอย่าง
ตอนนี้คงตีกันให้วุ่นไปหมด
‘เยซองกับเรา ความรู้สึกแบบนั้น’
มือเล็กเลื่อนขึ้นมาสัมผัสเรียวปากตัวเองอย่างเผลอไผล
รอยยิ้มน้อยๆปรากฏขึ้นบนริมฝีปากเมื่อนึกไปถึงรสสัมผัสหวานซ่านในรถเมื่อครู่
‘มันจะเป็นไปได้หรอ!!?’
“สุขสันต์วันเกิดคยูฮยอน!!!”
เสียงร้องเพลง Happy Birthday พร้อมกับเสียงเปเปอร์ชูตดังขึ้นเพื่อเป็นการฉลองวันเกิดให้กับคยูฮยอนที่นั่งยิ้มร่าอยู่ตรงกลางกับกองเค้กมหึมาที่ทำเป็นรูปตุ๊กตาที่จำลองมาจากเจ้าของวันเกิด
“ขอบคุณมากนะครับทุกคนน คืนนี้เต็มที่ไปเลยนะครับผมมมมม” คยูฮยอนชูแก้วไวน์ขึ้นก่อนเสียงเฮและเสียงดนตรีจะดังกระหึ่มอีกครั้ง
เพื่อนสนิทและแขกเหรื่อมากมายถูกเชิญมาในงานนี้ รวมไปถึงเรียวอุคด้วย
“ซองมินนะซองมิน”
เรียวอุคนั่งจิบเครื่องดื่มอยู่คนเดียวที่บาร์น้ำเล็กๆ
ตอนแรกก็มาสองคนกับซองมันนั่นแหล่ะ แต่ตอนนี้เพื่อนตัวดีของเขาดันไปตัวติดกับเจ้าของวันเกิดนั่นเรียบร้อยแล้วน่ะสิ
“โห ไอ่เยซองมากับใครนั่นน่ะ สวยเชียว”
เสียงคนข้างๆคุยถึงชื่ออีกคนที่ร่างบางคุ้นเคย เรียวอุคชะงักเล็กน้อย
ก่อนจะหันไปมองทิศทางเดียวกัน
ไม่ผิดตัว เยซองเดินเข้ามาในงานพร้อมกับสาวสวยเคียงข้าง
ทั้งสองเดินทักทายคยูฮยอนและเพื่อนๆคนอื่นๆ ร่างบางแว่วเสียงเสียงเป่าปากแซวเยซองกับหญิงสาวแปลกหน้าจากคนรอบข้าง
‘หึ ดูรู้จักกันดีนิ ที่ผ่านมาฉันคือคนนอกสินะใช่ไหม’ โทสะค่อยๆปะทุขึ้น เมื่อเห็นท่าทางสนิทสนมกันของทั้งสองคน
รวมไปถึงเพื่อนๆของเยซองที่ดูท่าจะรู้จักแม่สาวนั่นดีเสียด้วย!! ยิ่งทำให้แก้วน้ำในมือบางแทบจะแตกตรงนั้น
“ขอโทษนะครับ คนสวย ดื่มกันสักแก้วไหมครับ” เสียงชายแปลกหน้าทักทายร่างบาง
‘หึ เยซอง ฉันมันโง่เองที่เชื่อนายง่ายๆ’
มือเล็กบีบแก้วน้ำในมือแน่นขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัว ชายแปลกหน้าเห็นอีกคนทำหน้าขึงขัง
ในมือก็กำแก้วจนสั่นไปหมด แล้วรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมากจากคนน่ารักนี่คืออะไรกันนะ
“ข ขอโทษนะครับ”
ลองทำใจแข็งดูอีกทีก็ได้วะ ชายคนนั้นปลอบใจตัวเอง
‘ไอ้เพลย์บอยหน้าซาลาเปาเอ้ยยย!!!’ เมื่อความโมโหถึงขีดสุด
ร่างบางกระดกแอลกอฮอล์ในแก้วจนหมดเกลี้ยง
ก่อนจะวางลงบนโต๊ะอย่างแรงจนคนรอบข้างสะดุ้งด้วยความตกใจ แล้วหันมามองร่างบาง
แต่เรียวอุคก็ไม่ได้สนใจสายตาพวกนั้นแม้แต่น้อย กลับลุกออกไปจากเก้าอี้นั่นอย่างรวดเร็ว
เหลือไว้แต่รอยร้าวบนกระจกรองโต๊ะที่เกิดจากโทสะเมื่อครู่
“ฉันขอไปสูดอากาศข้างนอกหน่อยนะ”
เยซองขอแยกตัวกับกลุ่มเพื่อนหลังจากที่นั่งดื่มได้สักพัก
เขาได้รับเชิญมางานนี้ด้วย เพราะคยูฮยอนเป็นน้องชายของซีวอนเพื่อนสนิทของเขา บ้านหลังนี้เขาก็เคยมาตั้งแต่เด็กๆ
ร่างสูงเดินไปเข้าในสวนเล็กๆของบ้านที่แม้จะเป็นภายนอก
แต่ก็มีโคมไฟประดับตามพุ่มไม้อยู่ประปราย
ทำให้เขาชอบเดินมาที่มุมนี้เสมอทุกครั้งที่มาบ้านของสองพี่น้อง
“เห?” แต่แล้ว
ร่างสูงก็เหลือบไปเห็นคนที่นั่งหน้างออยู่ตรงม้านั่งคนเดียว
ร่างบางเรียวอุคเมื่อเห็นว่าใครที่กำลังยืนส่งยิ้มมาให้จากตรงนั้นก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“นั่งด้วยคนนะ” เยซองทักทายอีกคนที่ก้มหน้านิ่งไม่พูดอะไร
ราวกับไม่รับรู้การมาของอีกคน
“ปาร์ตี้แบบนี้ สนุกแค่ตอนแรกๆน่ะแหล่ะ พอผ่านไปก็น่าเบื่อชะมัด” เยซองลอบมองอีกคนที่ยังคงไม่หือไม่อือ และไม่แม้แต่จะหันมาสบตากับเขา
“นอกจากนี้ ยังมีแต่พวกจ้องจะหาเหยื่อด้วย น่ารักๆแบบนาย
มีใครมายุ่งบ้างหรือเปล่า ฉันหวงนะ”
เรียวอุคเบือนหน้าหลบสัมผัสแผ่วเบาที่แก้มของตน เยซองได้แต่ยิ้มมุมปาก
ก่อนตาคมจะฉายแววสนใจ
“อย่ามายุ่งได้ไหม” คนตัวเล็กเอ่ยแผ่วเบา
ใบหน้าหวานก้มลงราวกับไม่อยากจะเห็นคนตรงหน้าอีกต่อไป “รีบกลับไปหาคนของนายเถอะ”
“ฮ่า ฮ่า ฉันก็อยากนะ” เยซองหัวเราะเบาๆ
จนร่างบางเริ่มโมโห มันน่าตลกมากหรือยังไงฟะ “แต่ฉันอยากรู้มากกว่าว่าแฟนของฉันโกรธเรื่องอะไร”
“ถ้าเป็นเรื่องผู้หญิงคนนั้นละก็” มือหนากุมมือของอีกคน
พร้อมกับเลื่อนใบหน้าหล่อเข้ามาใกล้ “ฝากบอกแฟนฉันด้วยนะว่า
นั่นเป็นญาติของฉัน เป็นเพื่อนที่โรงเรียนเก่าคยูฮยอนด้วย ก็เลยมาพร้อมกัน”
“แต่ถ้าไม่ใช่ ก็ฝากถามหน่อยนะว่า กลับไปดื่มด้วยกันในงานไหม” เรียวอุคอ้าปากค้าง สับสนกับคำพูดของอีกคน ก่อนจะรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นวาบที่แนบมาบนหน้าผากของตน
“ไงเรียวอุค”
ริมฝีปากหนาวาดยิ้มอบอุ่นมาให้ จนใจดวงน้อยเต้นกระหน่ำ “ไปนั่งดื่มด้วยกันกับฉันในงานไหม”
“ย เยซอง”
ถึงแม้ความคิดมากมายจะตีกันอยู่ในหัวของร่างบาง แต่ริมฝีปากกลับพูดอะไรไม่ออกนอกจากชื่อของคนที่ทำให้ใบหน้าของเขาเห่อร้อนแทบระเบิด
“ยังไม่เข้าใจอีกหรือไง เรียนเก่งไม่ใช่หรอ เราน่ะ” มือหนาวางลงบนกลุ่มผมนิ่ม ก่อนจะส่งรอยยิ้มกระชากใจมาให้อีกครั้ง
“ต แต่ว่านะเยซอง”
เรียวอุคสบตากับอีกคนที่มองมาอยู่แล้ว “มันไม่เร็วไปหน่อยหรอ”
“ฮ่า ฮ่า ฉันว่าเราน่าจะรู้จักกันดีทุกซอก...ทุกมุมแล้วนะ” แกล้งส่งสายตาโลมเลียนั่นได้ไม่นาน มือบางก็ทุบมาที่ไหล่หนาอย่างรวดเร็ว
“เมื่อไหร่นายจะเลิกลามกสักทีห้ะ”
เสียงเล็กแหลมแวดใส่อีกคนด้วยใบหน้าแดงซ่าน
“แค่กับนายคนเดียวเท่านั้นแหล่ะ”
เยซองดึงอีกคนมาสวมกอด “ตั้งแต่นี้และตลอดไป”
ร่างบางไม่พูดอะไร แต่ใบหน้าหวานซบลงกับไหล่แกร่งนั่น
พร้อมกับแขนเล็กที่โอบกอดอีกคนตอบ ท่าทางของร่างเล็กทำให้อีกคนยิ้มร่า
ก่อนเยซองจะลุกขึ้นยืนและจูงมือให้อีกคนเดินกลับเข้าไปในงานพร้อมกัน
“นั่นพี่เยซองนี่”
คำพูดของคยูฮยอนทำให้ทุกคนในวงสนทนาหันไปมองบนเวทีเล็กๆ
ที่ตอนนี้เยซองจูงมือร่างบางอีกคนที่เขินอายจนแทบจะมุดดินอยู่แล้ว
“เหอะ ไอ้บ้านั่น” ซีวอนหลุดยิ้มออกมา
ก่อนจะชูแก้วขึ้นสูงแล้วตะโกนลั่น “เอาหน่อยเว้ยๆ!!!”
เยซองยิ้มก่อนพยักหน้าให้กับซีวอนเป็นเชิงขอบคุณ
“สวัสดีครับทุกท่าน ก่อนอื่นผมขอให้เจ้าภาพ
เด็กน้อยคยูฮยอนของเรา มีความสุขมากๆในวันเกิดนี้นะครับ” เสียงเข้มกล่าวออกไมโครโฟน
ก่อนจะมีเสียงเฮตามมา คยูฮยอนก็ยกแก้วขึ้นสูงเป็นการตอบรับ
“ผมอยากจะเล่าย้อนกลับไปเมื่อตอนผมเข้ามาเรียนที่นี่ตั้งแต่ปี 1
เอ่อ ทุกท่านไม่ต้องตั้งใจฟังมากก็ได้ครับ
คิดว่าผมมาเล่าเรื่องให้ฟังเพลินๆละกัน” เยซองยิ้มมุมปาก
ก่อนจะรู้สึกถึงแรงกระตุกเบาๆที่แขน
“อะไรของนายเนี่ย เยซอง?” เรียวอุคกระซิบกระซาบเบาๆ
เยซองหันไปยิ้มให้คนน่ารักโดยที่ไม่ได้ตอบอะไร
“ตอนนั้นผมกำลังจะหลับในวิชาแคลคูลัสตอนปี 1 แต่แล้ว ผมก็ต้องสะดุดตากับคนคนหนึ่ง ที่กำลังตั้งใจเรียนอยู่หน้าห้อง เขาน่ารักมากเลยล่ะครับ
ผมกำลังจะชี้ให้ซีวอนกับดงเฮดู แต่สองตัวนี้มันดันหลับก่อนผมไปซะแล้ว ฮ่าๆๆๆ” เสียงหัวเราะดังขึ้นทั้งงาน
จนสองหนุ่มที่ถูกพาดพิงต้องเอาหมอนอิงมาปิดใบหน้าเอาไว้
“เล่นกุซะแล้ว เพื่อนเอ้ย”
ดงเฮหันไปพูดกับซีวอน
“คนคนนั้นเขานอกจากจะน่ารักแล้ว เขายังเรียนเก่งมากๆด้วยนะครับ
พอใกล้สอบก็มีคนไปนั่งติวกับเขาเยอะเลย ผมก็เนียนๆไปนั่งติวด้วยสองสามครั้ง
แต่เขาก็ยังจำผมไม่ได้อยู่ดี ฮ่าๆ น่าน้อยใจนะครับ แต่เด็กเรียนที่ไหนจะมาสนเด็กเกเรอย่างผมล่ะ
ผมคิดแบบนี้แล้วก็ได้แต่แอบมองและแอบปลื้มเขาอยู่ในใจ”
เรียวอุคยืนมองอีกคนที่กำลังกุมมือเขาแนบแน่นมากขึ้น
“แต่แล้ววันหนึ่งก็เหมือนฟ้าประทานครับ ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
วันเกิดชินดง ผมได้มีโอกาสใกล้ชิดแล้วก็ได้ทำความรู้จักกับเขา จนถึงตอนนี้” เยซองหันมาหาอีกคน
“เรียวอุค เธอเคยถามฉันใช่ไหม
ว่าทำไมฉันถึงไม่ปล่อยเธอไปเหมือนกับคนอื่นๆ”
เรียวอุคพยักหน้าช้าๆ นึกถึงคำพูดนั้นที่เขาเคยถามเยซองด้วยความโมโหในหอสมุด
“เพราะว่าฉันได้กุมมือนี้ ฉันถึงได้รู้ว่า
ฉันปล่อยเธอไปไหนไม่ได้อีกแล้ว เธอแตกต่าง เธอเป็นแรงบันดาลใจให้ฉันอยากจะทำตัวของฉันให้ดีขึ้น
ไม่ได้แค่อยากให้นายสนใจ แต่เพื่อตัวฉันเองและคนอื่นๆ
ที่หนักใจในพฤติกรรมของฉันเหมือนกัน ฉันรักเธอมากๆเลยนะ”
เสียงฮือฮาดังขึ้นเมื่อเยซองเอ่ยคำว่ารักออกมา
และยิ่งดังขึ้นไปอีกเมื่อร่างสูงคุกเข่าลงกับพื้น
“คบกับฉันนะ”
ร่างสูงสบตาหวานซึ้งกับอีกคนที่ตอนนี้ใบหน้าขึ้นสีระเรื่ออย่างปิดไม่มิด
เรียวอุคยิ้มหวานก่อนจะพยักหน้ารับรักจากเยซอง
เสียงเฮลั่นทั้งงานเมื่อคนทั้งสองสวมกอดกันบนเวที ร่างสูงยิ้มอย่างมีความสุขเมื่ออีกคนที่เปรียบเหมือนความฝันที่ไม่มีวันจับต้องได้กลายเป็นจริงขึ้นมา
“สุดยอดเลยเว้ยเพื่อนนน ยะฮู้วววว” ดงเฮ
ซีวอนและเพื่อนคนอื่นๆส่งเสียงขึ้นไปบนเวที
“เรียวอุค คอยดูนะ
เจอกันวันจันทร์จะแซวให้กลับบ้านไม่ถูกเลยเชียว” ซองมินที่นั่งอยู่กลุ่มนั้นเหมือนกันยิ้มมองดูเพื่อนสนิทบนเวที
โอ้ยย ขนาดแค่มองฉันก็เขินแทนแล้วเรียวอุค
“อีกอย่าง”
ร่างสูงกระซิบให้ได้ยินเพียงสองคน “นายน่ะ หวานที่สุดเลยนะ
ฉันกินนายเข้าไปเท่าไหร่ก็ไม่อิ่มสักที โอ้ย!!” มือเล็กฟาดเข้าที่แขนแกร่ง
ทั้งสองยิ้มให้กันด้วยแววตาสุขล้น
ก่อนเพลงจากวงดนตรีจะดังขึ้นอีกครั้งราวกับเป็นการฉลองให้กับคู่รักคู่ใหม่
พร้อมกับแขกคนอื่นๆที่ตอนนี้ออกมาเต้นกันบนฟลอร์เต็มไปหมด
“ไม่มีใครสนใจเราแล้ว เราหายไปติวกันหน่อยไหม
มีห้องว่างอยู่ข้างบนนั่นนะ” เสียงแหบพร่ากระซิบเบาๆ
พร้อมกับลิ้นหนาที่โลมเลียใบหูช้าๆ
นั่นน่ะสิ ไหนๆก็ใกล้สอบแล้ว ติวให้เยซองเขาหน่อยละกัน!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น