Love in the afternoon
สำนักงานนักสืบเล็กๆบนชั้นสองของอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่ง
ภายในมีโต๊ะทำงานรกๆของนักสืบหนุ่ม ลีดงเฮ ที่กำลังนั่งทำงานอยู่ด้วย
ดงเฮมองดูรูปที่เขาไปตามถ่ายพฤติกรรมของคนคนหนึ่งมา ชายหนุ่มมองดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เพื่อความแน่ใจ ก่อนที่ผู้ว่าจ้างคนนั้นจะมาถึงสำนักงานตามวันเวลาที่นัดกันไว้
“พี่ดงเฮครับ”
เด็กหนุ่มเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับสะพายกระเป๋าไวโอลินทักทาย ลีดงเฮ
ด้วยน้ำเสียงสดใสเช่นเคย
นักสืบหนุ่มละสายตาจากงานแล้วยิ้มทักทายน้องชายที่อาศัยอยู่ด้วยกัน
“เรียวอุค
เรียนไวโอลินเสร็จแล้วหรอ เหนื่อยไหม” น้ำเสียงและรอยยิ้มอบอุ่นส่งไปให้อีกคนที่เพิ่งกลับมา
“ครับ
ไม่เหนื่อยเท่าไร ผมขอเข้าห้องไปซ้อมก่อนนะครับ”
“อือ ขยันจริงๆนะ”
ดงเฮพยักหน้าน้อยๆ “เดี๋ยวลูกค้าพี่จะมา
นายอย่าเพิ่งออกมาล่ะ อยู่ในห้องนะรู้ไหม”
“คร้าบบบบ” เสียงหวานสดใสกล่าว ก่อนจะเดินเข้าห้องไปและปิดประตูอย่างเรียบร้อย
เหมือนทุกครั้งที่จะมีผู้ว่าจ้างมา
ร่างบางนั่งลงก่อนจะหยิบไวโอลินขึ้นมาและกางโน้ต สีไวโอลินเบาๆแบบที่ดงเฮชอบฟังเวลาทำงาน
ไม่นานนัก ผู้ว่าจ้างก็มาถึง
เชว ซีวอนนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามดงเฮ สีหน้าฉายถึงความกระตือรือร้นอย่างมาก
“เรื่องที่ผมให้ไปสืบมา
ได้ความถึงไหนแล้ว” ผู้ถามคำถามจ้องมองไปที่อีกคนด้วยสายตาเคร่งเครียด
นักสืบหนุ่มไม่ตอบคำใดๆ เพียงแต่ส่งซองกระดาษสีน้ำตาลไปให้อีกคน
“เหอะ!!! เป็นอย่างที่ฉันคิดจริงๆด้วย!!” ชายหนุ่มผู้มาเยือนรับรูปไปดูก่อนจะแผดเสียงขึ้นมาด้วยความโมโห
ทำเอาคนที่นั่งเล่นไวโอลินในห้องสะดุ้ง ก่อนจะหยุดเล่นและลุกจากเก้าอี้
เรียวอุคแอบมองผ่านช่องเล็กๆตรงประตู
ทำให้เห็นบรรยากาศเคร่งเครียดที่ข้างนอกอย่างชัดเจน “ทำไมฮีซอลต้องทำอย่างนี้กับฉัน
จะไปหาไอ่นักธุรกิจบ้านั่นทำไม”
“จากการที่ผมเฝ้าสังเกตการณ์
ผมแน่ใจว่าชัวร์” ดงเฮ กล่าวอย่างสุขุมตามบุคลิก “คุณฮีซอลไปมาหาสู่คุณเยซองทุกวัน ตั้งแต่คุณเยซองมาที่เกาหลี ผมว่าทั้งสองคนต้องคบชู้กันแน่นอน”
“บอกสถานที่มา
ผมจะไปฆ่าไอ่คิมเยซอง” ซีวอนหยิบปืนออกมาจากเสื้อสูท เด็กหนุ่มที่แอบมองอยู่เบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นอาวุธปืนสีดำเงาวับ
“โรงแรม xxx” ลี ดงเฮ บอกสถานที่โดยดี “อย่าพาดพึงมาถึงผมละกัน”
“แน่นอน
คุณรับค่าจ้างของคุณไปได้เลย” ซีวอนหยิบเงินออกมาปึกหนึ่งตามจำนวนค่าจ้างที่ตกลงกันไว้
ก่อนจะหุนหันเดินออกจากห้องไป
เรียวอุคเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนก
กำลังจะมีคนถูกฆ่า ร่างบางนั่งลงกับพื้น สมองประมวลผลหาวิธีการช่วยคนคนนั้น
ก่อนจะลุกเดินออกจากห้องมาโดยที่จะไม่ลืมสะพายกระเป๋าไวโอลินออกมาด้วย
“อ้าว เรียวอุค
จะไปไหน” ดงเฮมองน้องชายของตนที่สะพายไวโอลินออกมาอย่างประหลาดใจ
“เอ่อ ผ
ผมจะไปซ้อมกับเฮนรี่ฮะ”
“อืม อย่ากลับดึกนะ”
ร่างบางวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วทันทีที่พี่ชายพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
ดงเฮได้แต่มองตามอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้สนใจ
‘ทำยังไงดี
ขอให้ทันเถอะนะ’ ร่างบางภาวนาในใจ ขณะที่วิ่งไปตามถนนอย่างรวดเร็ว
เรียวอุควิ่งมาจนถึง
โรงแรม xxx ร่างบางสอดส่ายสายตาไปทั่วล็อบบี้
ก่อนจะเห็น เชว ซีวอนที่กำลังยืนอยู่ที่ Reception ของโรงแรม
“คุณคิมเยซอง
มีคำสั่งว่าเวลานี้ห้ามรบกวนนะครับ” พนักงานโรงแรมกล่าวกับคนที่กำลังใจร้อน
“บอกเลขห้องผมมาดีกว่า
คุณก็รู้ว่าผมคือใคร” เสียงเข้มกล่าวอย่างดุดัน
ใช้อิทธิพลของตัวเองขู่พนักงานให้กลัว ก่อนจะรีบเดินออกไปเมื่อรู้ว่าเป็นห้องไหน
เรียวอุคแอบเดินตามซีวอนไปอย่างเงียบๆถึงชั้น 13
“หึ ห้องนี้สินะ”
ซีวอนมองเลขห้องอย่างเดือดดาล ก่อนจะรีบหลบหลังกองลังเก็บของที่วางอยู่หน้าห้องเมื่อรู้สึกได้ว่ามีคนขึ้นลิฟต์มา
“ฮีซอล” ซีวอนเอ่ยเบาเมื่อเห็นว่าอีกคนคือใคร ฮีซอลเดินเข้ามาอย่างเงียบๆก่อนจะมองซ้ายมองขวา
เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครเห็น จึงเคาะประตูและเดินเข้าห้องไป
“หึ มาหามันจริงๆด้วย
คอยดูเหอะ ไอ่เยซอง” ความอดทนของซีวอนเริ่มจะถึงขีดจำกัด
เมื่อได้มาเห็นภาพแสลงกับตา แต่ชายหนุ่มเลือกที่จะนั่งรออยู่ข้างนอกอย่างเงียบๆ
เพื่อที่จะจัดการคนทั้งสองหลังจากที่ฮีซอลเดินออกมาจากห้องนั้น
เรียวอุคมองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความสับสนในใจ
แต่แล้ว เด็กหนุ่มก็เห็นว่า มีลูกค้าโรงแรมคนหนึ่งเดินเข้าห้องไป
โดยที่ไม่ได้ล็อกกุญแจ
หัวสมองคิดหาทางแก้ไขอย่างรวดเร็ว
ก่อนจะค่อยๆย่องเข้าไปในห้องที่ไม่ได้ล็อกกุญแจนั้น
และเดินไปที่ระเบียงอย่างรวดเร็ว
โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง!!!!
“ชู่วๆ เงียบสิ”
เหนือความคาดหมายของร่างบาง สุนัขที่เจ้าของห้องเลี้ยงเกิดเห่าเสียงดังขึ้นมา
เรียวอุคทำสัญลักษณ์เป็นเชิงให้เงียบ ก่อนจะปีนออกไปที่ระเบียงอย่างรวดเร็ว โชคดีที่เจ้าของห้องคนนั้นอยู่ในห้องน้ำ
ขาเล็กๆก้าวไปตามขอบระเบียงอย่างระมัดระวังไปที่ห้องของเยซอง
เรียวอุคมองเข้าไปในห้องพักสุดหรูของนักธุรกิจหนุ่ม
สายตามองหาคนที่คาดว่าจะเป็นเยซอง ก่อนจะเบิกกว้างเมื่อเห็นคนสองคนกำลังเต้นรำอยู่กลางห้องพร้อมกับเปิดเพลงคลาสสิกคลอเบาๆเสริมให้บรรยากาศในห้องนั้นอบอวลไปด้วยความรักอันหวานซึ้ง
เรียวอุคปีนเข้าไปในห้องนั้น
เดินเข้าไปหาคนสองคนที่กำลังซบกัน แต่ดูเหมือนว่า
เขาทั้งสองคนมองไม่เห็นผู้มาเยือนทางหน้าต่างเลย
“คุณเยซองครับ
คุณเยซอง” เสียงหวานร้องเรียกชื่อเจ้าของห้อง
แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าทั้งสองคนจะหันมาสนใจคนตัวเล็กเลย...
“คุณเยซอง คุณซีวอนอยู่หน้าห้องนะครับ
คุณเยซอง” คนทั้งสองหยุดชะงักทันที
เมื่อได้ยินชื่อว่าใครอยู่ที่หน้าห้อง
ฮีซอลหันมามองเด็กหนุ่มผู้มาเยือนอย่างประหลาดใจ
“ซีวอนมางั้นหรอ”
ฮีซอลผละจากอกของเยซองแล้วเดินไปส่องที่ตาแมว
แล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นสามีของตนยืนอยู่หน้าห้องอย่างร้อนรนใจ
“มีอะไรหรือเปล่า
ฮีซอล” เยซองเดินไปหาฮีซอลที่ยืนขมวดคิ้วพิงประตูห้องอยู่
“ซีวอนอยู่หน้าห้อง”
เยซองส่องที่ตาแมวเมื่อฮีซอลเงยหน้าขึ้นเอ่ย
“แย่ละ” เยซองพูดเบาๆ ก่อนจะหันไปมองเด็กหนุ่มที่ยืนมองคนทั้งสองอย่างงงๆ
“ทำไมยังไม่ออกมาอีกวะ”
ซีวอนมองดูนาฬิกาข้อมือ แต่ละเข็มวินาทีที่ผ่านไป
ความร้อนใจก็ยิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณ “อย่างนี้คงต้องพังเข้าไปสินะ
หึ”
โครม!!!!!
ซีวอนพังเข้าไปในห้องของเยซอง
ชายหนุ่มมองไปรอบห้องหวังจะมองหาภรรยาของตน สายตาคมแลเห็นคนทั้งสองที่กำลังเต้นรำอยู่กลางห้อง
โดยไม่สนใจเขาที่พังประตูเข้ามาด้วยซ้ำ
ซีวอนเดินเข้าไปหาก่อนจะกระชากภรรยาของตนที่ซบอีกคนด้วยความเดือดดาล
“ฮีซอล!!!! เอ๊ะ” ชายหนุ่มส่งเสียงอย่างประหลาดใจเมื่อคนที่เขากระชากออกมา
ไม่ใช่ฮีซอล!!
“คุณเป็นใคร” เยซองถามคนที่พังประตูห้องเขาเข้ามาเสียงเข้ม “ผมกำลังใช้เวลาส่วนตัวกับคนรักของผมนะ”
“อ เอ่อ ทำไมถึง”
ซีวอนมองคนทั้งสองสลับไปมาอย่างสับสน หมายความว่ายังไง
ในเมื่อเขาเห็นฮีซอลเดินเข้ามาในห้องนี้แท้ๆ
“เป็นอะไรมากไหมที่รัก”
เยซองถามคนตัวเล็กด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
มือหนาดึงคนตัวเล็กมากอดปลอบขวัญแผ่วเบา
“เอาเป็นว่า ผมขอโทษละกัน”
ซีวอนพูดอย่างอ้อมแอ้ม “งั้นผมคงไม่รบกวนเวลาพวกคุณแล้ว
ผมขอตัวก่อนนะครับ”
เยซองมองอีกคนเดินออกจากห้องไป
ก่อนจะถอนหายใจออกมาแผ่วเบา
“ค
คุณปล่อยผมได้แล้วครับ” เสียงเล็กอู้อี้มาจากอีกคนที่อยู่ในอ้อมกอดของตน
เยซองมองใบหน้าหวานของอีกคนที่ขึ้นสีระเรื่อเบาๆ เมื่อเงยขึ้นมาจากอกแกร่ง
“ขอบใจเธอมากนะ
ที่มาบอก ฮีซอลก็ปีนหนีออกไปได้ทันพอดี” เยซองยิ้มให้คนตัวเล็ก
“มะ ไม่เป็นไร ครับ
อื้อออ” ร่างบางสะดุ้งน้อยๆเมื่อริมฝีปากหนาทาบทับลงมา...ดวงตาหวานเบิกกว้างก่อนจะค่อยๆพริ้มหลับลง
“เอ่อ ขอโทษนะครับ
ผมลืมหมวกเอาไว้” ซีวอนเดินเข้ามาในห้องอีกครั้งอย่างไม่คาดหมาย
ร่างสูงผละออกจากริมฝีปากบางแล้วยิ้มให้กับซีวอน
“ครับ ไม่เป็นไร”
คนตัวเล็กยังไม่ทันหายช็อกจากสัมผัสแรก
ริมฝีปากหนาก็ทาบทับลงมาอีกครั้ง มือเล็กกำคอเสื้อของร่างสูงไว้แน่น
แรงดูดดึงเพียงเบาๆที่ริมฝีปากทำให้ร่างเล็กแทบจะหมดแรงไปเสียดื้อๆ
“แหม
รักกันดีจังเลยนะครับ” ซีวอนยิ้มแหยๆก่อนจะเดินออกจากห้องไป เมื่อเยซองเล่นแสดงความรักกันอย่างไม่อายผู้มาเยือนขนาดนี้
เรียวอุคผละออกจากอกแกร่งอย่างรวดเร็วเมื่อซีวอนเดินออกไป
ดวงตาคู่สวยมองคนตรงหน้านิ่ง มือเล็กลูบไล้ที่ริมฝีปากบางของตนอย่างเผลอไผล
‘จูบแรกของเรา’
“อ่า
ฉันขอโทษด้วยนะเด็กน้อย พอดีซีวอนเดินเข้ามาน่ะ” เยซองยิ้มอ่อนโยนให้กับอีกคนที่ยังคงช็อกไม่หาย
“ค ครับ ราตรีสวัสดิ์”
เรียวอุคค่อยๆเดินถอยออกมาก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้อง
แต่ก็ไม่ทันมือหนาที่เอื้อมมาจับแขนเล็กเอาไว้อย่างอ่อนโยน
“เดี๋ยวก่อน
อยู่คุยกันก่อนสิ” เรียวอุคหันมามองอีกคนด้วยสายตากล้าๆกลัวๆ
“ให้ฉันตอบแทนเธอจะได้ไหม”
เรียวอุคยังไม่ทันจะตอบรับหรือปฏิเสธ
เจ้าของห้องก็จูงมือคนตัวเล็กให้เดินไปนั่งด้วยกันที่โซฟา
มือหนารินเครื่องดื่มให้กับร่างบางที่นั่งอย่างเกร็งๆแปลกๆ
“ทำไมเธอถึงช่วยฉันล่ะ”
เยซองมองอีกคนที่จิบเครื่องดื่มในมือช้าๆ สายตาคมไล่ไปตามใบหน้าหวานที่มองแล้วใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก
“อ เอ่อ คือ
ผมไม่อยากให้มีคนตายนี่นา” เสียงหวานเอ่ยบอกเหตุผล
“แต่เราไม่เคยรู้จักกัน”
“ช่างมันเถอะ
ผมไม่อยากนิ่งดูดาย เวลามีคนเดือดร้อน” เยซองยิ้มน้อยๆ
เมื่อเรียวอุคเริ่มส่งยิ้มหวานมาให้ตนบ้าง
“จะกลับแล้วหรอ”
เยซองเอ่ยทักเมื่อคนตัวเล็กลุกจากโซฟา
ร่างสูงจึงเดินตามไปส่งคนน่ารักที่ประตู
“ลาก่อนครับ” เรียวอุคโค้งให้กับอีกคน แต่ก็ไม่ทันได้ก้าวเท้าออกไปไหน
ร่างสูงดึงให้คนตัวเล็กมาพิงกับกำแพงห้องของตน
แขนแกร่งดันกับกำแพงเป็นเชิงยังไม่ให้ร่างบางไปไหน
“เธอชื่ออะไร เด็กน้อย”
สายตาเจ้าเล่ห์ส่งไปให้ร่างบางที่ยืนแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก
ร่างสูงยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้กับอีกคนมากขึ้น
จมูกโด่งได้กลิ่นหอมของแป้งเด็กลอยมาแตะจมูกเบาๆ
“เราไม่จำเป็นต้องรู้จักกันหรอกครับ”
รอยยิ้มผุดที่มุมปากเมื่อร่างบางเอ่ยออกมา ร่างสูงมองไปที่กล่องไวโอลินในมือเล็ก
ก่อนจะสบตากับร่างบางอีกครั้ง
“รยองกู หรอ
ชื่อน่ารักดีนะ” เยซองยิ้มอ่อนโยนให้อีกคน
“ค ครับ” เรียวอุคมองกล่องไวโอลินในมือ รยองกู
ชื่อเล่นอีกชื่อที่เพื่อนของเขาชอบเรียก
และชื่อบนกล่องไวโอลินนี่ก็เป็นเพื่อนในคลาสไวโอลินของเขานั่นแหล่ะที่แกล้งเขียนเอาไว้
“รยองกู” เรียวอุคสบกับตาคมเมื่ออีกคนเรียกชื่อเล่นปลอมๆของตน
“พรุ่งนี้เธอว่างไหม มาหาฉันที่ห้องนี้หน่อยนะ”
“อ เอ๋”
“ได้โปรดเถอะ
ฉันจะอยู่ที่เกาหลีแค่ 2 อาทิตย์ เธอ
ช่วยมาอยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม” เสียงทุ้มน่าฟังเอ่ยขออย่างเว้าวอน
เรียวอุคสบกับสายตาคมนั่นอย่างเผลอไผล
ไม่ต่างจากอีกคนที่เผลอสำรวจโครงหน้าหวานของตนเช่นกัน
“คุณทำงานเมื่อไรครับ”
“ถึง 11 โมง” เยซองยิ้มออกมาเมื่อคนตัวเล็กมีทีท่าว่าจะทำตามคำขอของเขา
“ถ้าอย่างนั้น
ตอนบ่ายก็ได้ครับ ผมจะมาหาคุณ” ร่างบางส่งยิ้มหวานไปให้อีกคนใจสั่นเล่น
แขนแกร่งละออกจากกำแพงมาไว้ที่ข้างตัวปล่อยให้อีกคนเดินออกไปหน้าประตู
“ราตรีสวัสดิ์ครับ”
เรียวอุคยิ้มให้กับร่างสูงเจ้าของห้อง
“ราตรีสวัสดิ์ รยองกู
เจอกันพรุ่งนี้นะ” เยซองยิ้มรับอย่างอ่อนโยน
สายตาคมแสดงถึงความเอ็นดูในตัวคนตรงหน้าอย่างเต็มเปี่ยม เรียวอุคโค้งน้อยๆก่อนจะหันหลังกลับไป
เยซองยืนมองคนตัวเล็กจนลับสายตา ริมฝีปากหนายิ้มน้อยๆที่มุมปากแล้วจึงเดินเข้าห้องตัวเองไปบ้าง
ร่างบางเดินตามถนนเข้าสู่บ้านตัวเองช้าๆ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มน้อยๆ สายตาหวานเหม่อลอยแต่ฉายแววแห่งความสุขอยู่ภายใน
มือเล็กลูบไล้ริมฝีปากของตนอย่างเผลอไผล
“la la la la” เสียงหวานฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี
ร่างเล็กหมุนตัวไปมาราวกับกำลังเต้นรำอยู่ตลอดทางที่เดินขึ้นไปบนอพาร์ทเมนท์
แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเข้มที่คุ้นเคยพูดกับพี่ชายของตน
“ผมเห็นกับตา
ว่าฮีซอลเดินเข้าไปในห้อง แต่พอเข้าไปดันเป็นใครไม่รู้อยู่กับเยซอง” ซีวอนยืนขมวดคิ้วคุยกับดงเฮที่ยืนพิงประตูห้องอยู่
นักสืบหนุ่มเอามือเท้าคางอย่างใช้ความคิด
“ใช่ ตอนผมไปสืบ
ผมก็เห็นว่าเป็นคุณฮีซอล” ดงเฮนึก “แล้วจะเป็นคนอื่นไปได้ยังไง”
“ผมจะกลับบ้านไปคุยกับฮีซอลละกัน”
ซีวอนเอ่ยร่ำลาก่อนจะเดินลงบันได
ร่างบางเบิกตากว้างด้วยกลัวว่าซีวอนจะจำตัวเองได้
มือเล็กยกกล่องไวโอลินขึ้นมาปิดหน้าตัวเองขณะที่เดินสวนทางกับร่างสูง
“หือ” ซีวอนหันมามองคนท่าทางประหลาดที่เอากล่องไวโอลินเล็กๆนั่นปิดหน้าตัวเอง แปลกใจที่คิดว่าร่างเล็กดูคุ้นตาเหลือเกิน
ซีวอนหยุดยืนมองที่บันไดล่างก่อนจะยักไหล่แล้วเดินออกไป
“วันนี้กลับช้าจังนะเรียวอุค”
ดงเฮมองดูนาฬิกาข้อมือ
แล้วเงยหน้าขึ้นมามองน้องชายของตนที่กำลังเดินหมุนไปหมุนมาเหมือนคนเมา
“นายอารมณ์ดีไปไหมเรียวอุค”
ดงเฮขมวดคิ้ว ร่างบางหันมาแล้วหัวเราะใส่ก็ยิ่งทำให้นักสืบหนุ่มงง
ในยามเช้าที่แสนสดใส
ร่างบางกำลังนั่งฝึกซ้อมไวโอลิน ส่วนดงเฮก็นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะตามปกติเหมือนทุกวัน
แต่วันนี้มีบางอย่างไม่ปกติ...
แอ๊ดดด อี๊ แอ๊ดดด
ลีดงเฮแทบจะสะดุ้งตกเก้าอี้
เมื่อเสียงไวโอลินที่เขาฟังว่าเพราะทุกวันๆ แต่วันนี้กลับเล่นเป็นเสียงแปลกๆแสบแก้วหูเหมือนเอาคนเล่นไม่เป็นมาเล่นมากกว่าที่จะเป็นน้องชายนักเรียนไวโอลินของเขา
“เรียวอุค
เป็นอะไรหรือเปล่า” ดงเฮชะโงกหน้าไปมองอีกคนที่โผล่หน้ามายิ้มแหยๆให้
“ไม่มีอะไรครับ
พี่ดงเฮ” ว่าแล้วเรียวอุคก็กลับไปมองที่กระดานโน้ตต่อ
แต่ที่วางอยู่บนนั้นกลับไม่ใช่โน้ตดนตรีอย่างที่ควรเป็น…
“50 หนุ่มโสดสุดฮ็อตแห่งปี
คิมเยซอง อาชีพนักธุรกิจ
เป็นคนเกาหลีแต่เกิดที่อเมริกา” ร่างบางอ่านข้อความที่อยู่บนหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์และนิตยสารมากมายที่ตัวเองไปค้นมาเบาๆ สายตาไล่มองข้อมูลของคนที่เขาอยากรู้จัก
มือก็ยังคงสีไวโอลินไปมาเบาๆ
‘คิมเยซอง หนุ่มสุดฮ็อตที่ใครๆก็หมายปอง
นอกจากความเก่งกาจทางด้านธุรกิจแล้ว เขายังมีหน้าตาอันหล่อเหลาไม่ต่างจากดารานักร้องเลย’
เรียวอุคยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวเมื่อเห็นภาพเยซองใส่สูทไปงานประชุมทางธุรกิจ
ร่างสูงในภาพขยิบตาพร้อมกับชูนิ้วโป้งให้กับกล้อง
“แอร๊ยยยย น่ารักจัง” ร่างบางแอบกรี๊ดกร๊าดเบาๆราวกับเป็นสาวน้อยแฟนคลับของเยซอง เรียวอุคยิ้มกว้างเมื่อเปิดดูรูปของเยซองรูปแล้วรูปเล่า...จนมาสะดุดกับข่าวหนึ่งเข้า
“คิมเยซอง เจ้าชู้ไม่เลิก
ควงนางแบบดังเย้ยดาราสาวแฟนเก่าที่เพิ่งเลิกไปถึง 1 อาทิตย์
สมฉายาเพลย์บอยแห่งวงการธุรกิจ ล่าสุดปาปารัซซี่จับภาพเยซองไปดูหนังกับสาวปริศนาคนใหม่”
แอ๊ดดดดดดดดดดดดดดด
พรวดดด!!
นักสืบหนุ่มสำลักกาแฟด้วยความตกใจกับเสียงไวโอลินผิดคีย์แสบแก้วหู
ดงเฮลุกจากเก้าอี้ไปหาน้องชายที่นั่งจ้องกระดานโน้ตด้วยสายตาแปลกๆ
“เรียวอุค”
“ค ครับ” เจ้าของชื่อสะดุ้งเมื่อเห็นพี่ชายของตนยืนเท้าสะเอวพิงประตูห้องมองมาด้วยสายตามาคุแปลกๆ
ร่างบางได้แต่ยิ้มแหยอย่างรู้ความผิดของตัวเอง
“นายฝึกเพลงใหม่อยู่หรือไง”
ดงเฮเดินเข้ามาในห้อง
เรียวอุครีบลุกไปกันพี่ชายไม่ให้เดินเข้ามาใกล้กระดานโน้ตของตน
“ช ใช่ครับพี่ดงเฮ มันรบกวนพี่ดงเฮ
ผมขอโทษด้วยนะครับ” ร่างบางพูดรัวเร็วจนดงเฮแปลกใจ
ไหนจะท่าทางแปลกๆนี่อีก นักสืบหนุ่มขมวดคิ้วมองน้องชายตัวน้อยด้วยความสงสัย
“อ้อ หรอ” ดงเฮพยักหน้าน้อยๆ
“เอ่อ พี่ดงเฮ
ตอนนี้กี่โมงแล้วครับ” เรียวอุครีบเปลี่ยนเรื่องก่อนดงเฮจะสงสัยขึ้นมาอีก
“เที่ยงพอดี” นักสืบหนุ่มมองนาฬิกาข้อมือ
“หวา ผมต้องรีบไปแล้ว” ดงเฮมองร่างบางที่เก็บโน้ตดนตรีและไวโอลินใส่กล่องอย่างรวดเร็ว
“นายเรียนตอนเย็นไม่ใช่หรอเรียวอุค”
ดงเฮขมวดคิ้วมองน้องชายของตนในสภาพพร้อมไปเรียนทั้งๆที่ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยง
“ผมจะไปซ้อมกับเฮนรี่ก่อนน่ะครับ
เพลงวันนี้ยากมากเลย ผมก็เลยเล่นแปลกๆไง ผมไปก่อนนะครับพี่ดงเฮ จุ๊บ” ร่างบางเขย่งตัวจุ๊บไปที่แก้มของดงเฮเบาๆก่อนจะเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ทางด้านเยซองที่กำลังนั่งอ่านแผนงานของตนอยู่ที่โต๊ะ ร่างสูงขยับคอไปมาคลายความเมื่อย
มือหนาถอดแว่นออกพร้อมกับวางแฟ้มในมือ
ชายหนุ่มเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวเมื่อนึกถึงหนุ่มน้อยปริศนาเมื่อวาน ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เยซองหันไปมองที่ประตูเมื่อได้ยินเสียงเคาะ
ก่อนจะลุกไปเปิดประตูต้อนรับแขกผู้มาเยือน
“สวัสดีครับ คุณเยซอง” เสียงหวานเอ่ยทักทายเจ้าของห้อง
“สวัสดี รยองกู เข้ามาก่อนสิ
ฉันมีเรื่องให้ช่วย” เยซองจูงมือเล็กของอีกคนให้เดินตามเข้าไปในห้องนอน
บนเตียงมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่วางอยู่ในสภาพที่ฝาเผยอแง้มออกมาเนื่องจากการบรรจุเสื้อผ้าที่มากเกินไป
“ฉันปิดกระเป๋าเดินทางไม่ได้
นายช่วยชั้นหน่อยนะ” เรียวอุคมองไปที่กระเป๋านั่น
ก่อนจะเงยหน้ามองร่างสูง
“ผมจะช่วยคุณได้ยังไงฮะ”
“ขึ้นไปนั่งบนนั้นสิ” เรียวอุคลองขึ้นไปนั่งบนกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ตามที่ร่างสูงบอก น้ำหนักของร่างบางที่กดทับลงมาทำให้กระเป๋าเปิดได้สนิทพอดี
“ว้าว น้ำหนักพอดีเลยแหะ” ร่างสูงยิ้ม แขนแกร่งทั้งสองเอื้อมไปปิดล็อกกระเป๋า
ร่างบางตกใจเล็กน้อยเพราะการที่ร่างสูงเอื้อมมาปิดกระเป๋ามันคล้ายกับว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของอีกคนยังไงอย่างนั้น
เรียวอุคมองชายหนุ่มตาแป๋ว
เมื่อร่างสูงปิดล็อกกระเป๋าได้แล้วแต่แขนแกร่งยังไม่ออกไปไหน ค้างเอาไว้อย่างนั้นราวกับว่าจงใจให้คนตัวเล็กอยู่ในวงแขนของตนต่อไป
เยซองยิ้มให้กับร่างบางที่ยังคงทำหน้าใสซื่อ
“เธอนี่ชอบทำให้ฉันจะทนไม่ไหวอยู่เรื่อย”
เยซองละแขนแกร่งออกมา
ร่างสูงถอยออกมาเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าแล้วถอนหายใจเบาๆ
“เอ๋” เรียวอุคกระโดดลงมาจากกระเป๋าใบโต
ร่างบางเอียงคอเล็กน้อยอย่างสงสัยในคำพูดของร่างสูง
“ไปนั่งเล่นกันดีกว่า”
เยซองจูงมือเล็กให้เดินตามไปที่โซฟา ร่างสูงรินน้ำสีอำพันอ่อนๆให้กับร่างบาง ก่อนจะนั่งลงบนที่ว่างข้างๆกัน
“เธอเล่นไวโอลินหรอ”
เยซองมองไปที่กล่องไวโอลินข้างๆตัวเรียวอุค
ร่างบางยิ้มก่อนจะหยิบไวโอลินตัวโปรดออกจากกล่อง
“ใช่ครับ
คุณเยซองชอบฟังเพลงคลาสสิกใช่ไหมครับ” หนุ่มน้อยยิ้มสว่างไสว
นึกถึงบทสัมภาษณ์ในนิตยสารที่อ่านมาเมื่อเช้า
“ใช่ เธอเล่นให้ฉันฟังหน่อยสิ” เยซองยิ้มน้อยๆอย่างเอ็นดู ถึงแม้จะแปลกใจบ้างว่าร่างบางรู้ได้ยังไง
คนตัวเล็กยกไวโอลินวางไว้บนไหล่ ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเริ่มสีเครื่องดนตรีเป็นเพลงเบาๆให้อีกคนได้ฟังตลอดทั้งบ่ายนั้น
“จะกลับแล้วหรอ
รยองกู” เยซองถามเมื่อเห็นว่าเรียวอุคเริ่มเก็บไวโอลินเข้ากล่อง
“ครับ
ผมมีเรียนไวโอลินตอนเย็น” เรียวอุคเดินไปที่ประตูโดยมีเจ้าของห้องเดินตามไปไม่ห่าง
“สวัสดีครับ คุณเยซอง”
ร่างบางโค้งน้อยๆก่อนจะก้าวเท้าเดิน แต่ก็ยังช้ากว่ามือหนาที่ดึงคนตัวเล็กเข้าไปในห้องอีกครั้ง
ริมฝีปากหนาประกบปิดที่ไปเรียวปากสวยอย่างรวดเร็ว
“อื้ออ” ร่างบางส่งเสียงในลำคออย่างตกใจ
สัมผัสนุ่มหยุ่นที่ริมฝีปากถูกมอบให้อย่างไม่ทันตั้งตัว ริมฝีปากหนาจูบเคล้าคลึงเรียวปากนุ่มนิ่มอย่างเพลิดเพลิน
ออกแรงดึงดูดเบาๆให้ร่างบางได้สั่นสะท้าน แขนแกร่งกอดคนตัวเล็กแนบกาย
ร่างบางทำอะไรไม่ถูกนอกจากยืนนิ่งให้อีกคนช่วงชิงความหอมหวานได้ตามใจ
“แฮ่ก แฮ่ก” เยซองมองดูใบหน้าหวานที่ขึ้นสีระเรื่อน้อยๆ คนตัวเล็กหอบหายใจอย่างไม่คุ้นชินกับการจูบ
รู้สึกได้ถึงความเหนอะหนะที่เรียวปากแดงอิ่มของตัวเอง
เยซองจุ๊บเบาๆไปที่แก้มใสสีจัดแล้วส่งยิ้มให้อีกคนได้ใจสั่นเล่นๆ
“พรุ่งนี้มาอีกนะ
รยองกู” สายตาคมมองเข้าไปในดวงตาคู่สวยอย่างสื่อความหมาย
“ครับ”
“รยองกู
พรุ่งนี้ไปเที่ยวเรือฉันไหม” เยซองเอ่ยชวนร่างบางที่กำลังเก็บเครื่องดนตรีของตนใส่กล่อง
“ไปสิครับ
คุณเยซองมีเรือด้วยหรอครับ” เรียวอุคเดินมานั่งลงข้างๆร่างสูงบนโซฟา
หัวทุยเอียงน้อยๆด้วยความสงสัย
“มีสิรยองกู
พรุ่งนี้เที่ยงมาที่นี่ เดี๋ยวเราขับรถไปกัน” เยซองดึงอีกคนเข้ามาให้นั่งใกล้กันมากขึ้น
“ไปทำอาหารกินกันบนเรือนะ”
“ว้าว
ต้องสนุกแน่เลยครับ” ดวงตาคู่สวยเป็นประกายอย่างตื่นเต้น “ผมยังไม่เคยขึ้นเรือมาก่อนเลย อยากให้ถึงพรุ่งนี้ไวๆจัง”
“ฉันอยากให้เธอมานะรยองกู”
นิ้วแข็งไล้เส้นผมสวยเล่นอย่างเพลินมือ “แล้วนี่จะกลับแล้วหรอ”
“ครับ ผมไปก่อนนะครับ
แล้วเจอกันพรุ่งนี้ครับ” ร่างบางลุกออกจากโซฟาแต่ก็ไม่ทันมือหนาที่ดึงให้ตนเองนั่งลงอีกครั้งโดยมีตักกว้างของอีกคนรองรับเอาไว้
“ลืมอะไรหรือเปล่า
หืม” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยกระซิบข้างหูชวนให้หวั่นไหว ก่อนจะมอบสัมผัสร้อนแรงที่เรียวปากสวยจนอีกคนแทบขาดใจ
เหมือนทุกครั้ง....ก่อนจากกัน
หลังจากวันแรกที่ได้พบกัน
เรียวอุคก็มาหาเยซองทุกบ่ายๆก่อนจะไปเรียนไวโอลิน
ซึ่งก็ไม่ได้ทำอะไรมาก นอกจากนั่งคุย เล่นเกม เต้นรำ
หรือทำอาหารด้วยกัน
แต่มันทำให้เขามีความสุขล้นในหัวใจอย่างแปลกๆ
ทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิดกับคนคนนี้...
ร่างบางถูฟองน้ำไปบนจานอาหารหลังจากที่ดงเฮกินอาหารกลางวันเสร็จแล้ว
ดวงตาคู่สวยฉายประกายแห่งความสุขตลอดเวลา ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มน้อยๆ
บางทีก็ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี
ลีดงเฮที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โต๊ะถึงกับลดหนังสือพิมพ์ลงมาลอบมองน้องชายของตนที่หมู่นี้อารมณ์ดีผิดสังเกต แถมยังใจลอยอยู่บ่อยๆด้วย
‘อาการแบบนี้มัน...หรือว่านายจะอินเลิฟนะเรียวอุค’
“เรียวอุค” ดงเฮเรียกอีกคนด้วยเสียงปกติ
แต่ร่างบางก็ยังล้างจานต่อไปราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงพี่ชายของตนเลย
“เรียวอุค!!!”
คราวนี้ได้ผล คนที่ล้างจานอยู่ถึงกับสะดุ้ง
เจ้าของชื่อขมวดคิ้วแล้วหันมามองพี่ชายของตน
“อยู่กันแค่นี้จะตะโกนทำไมครับเนี่ย”
“เออ พอดีพี่หูตึงหวะ สงสัยช่วงนี้ใจลอยบ่อย
คิดถึงใครก็ไม่รู้” ดงเฮตั้งใจเอ่ยคำพูดให้กระทบอีกคน
แต่ดูเหมือนว่าร่างบางจะไม่รู้เรื่องอะไรซะเลย แถมยังส่งสายตาประหลาดๆมาให้อีกต่างหาก
“ผมไปก่อนนะครับ
วันนี้มีธุระ” ร่างบางเดินไปหยิบกระเป๋าไวโอลินก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
‘นี่ก็อีก
เรียนเย็นแต่ออกจากบ้านเที่ยงทุกวัน นี่นายไปหาใครอย่างนั้นหรอไอ้น้องชาย!!’
เรียวอุคนั่งอยู่บนรถยนต์สีดำเงาวับโดยมีร่างสูงเป็นคนขับ จุดหมายปลายทางก็คือเรือของเยซองที่จอดไว้ที่ริมแม่น้ำสายใหญ่แถบชานเมือง ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างเมื่อเห็นเรือยอร์ชขนาดเล็กสีขาวที่จอดสงบนิ่งอยู่
บริเวณรอบๆแม่น้ำรายล้อมไปด้วยต้นไม้ที่เรียงตัวสวยราวกับสวนน้อยๆในเทพนิยาย
แต่บรรยากาศช่างเงียบสงบเหมาะกับการพักผ่อนดีเหลือเกิน
ร่างบางลงจากรถแล้ววิ่งไปที่เรือพร้อมกับระบายยิ้มอย่างสดใส
เยซองยิ้มด้วยความเอ็นดูกับภาพที่เห็นก่อนจะเดินตามร่างบางไปยืนข้างๆกัน
“ชอบไหมรยองกู”
เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามคนที่กำลังมองเรือด้วยความตื่นเต้น
“ชอบฮะ” เรียวอุคส่งยิ้มสวยมาให้ชายหนุ่ม
เยซองยิ้มตอบกลับก่อนจะจูงมือเล็กให้เดินเข้าไปในเรือด้วยกัน
บนเรือปูด้วยพื้นไม้
ด้านนอกมีเพียงโต๊ะกินอาหารสีขาวตั้งอยู่ในหลังคาเรือที่ยื่นออกมาเพื่อบังแดด ภายในห้องโดยสารบุด้วยไม้เป็นสีน้ำตาลสวยทั้งลำเรือ
กลางห้องเป็นโซฟาจัดเป็นชุดรับแขก หันหน้าไปทางทีวีที่ฝังเข้ากับผนัง
มองตรงไปเจอห้องครัวที่ติดตอกับห้องรับแขกโดยมีบาร์น้ำกั้นระหว่างกันด้วย
“รยองกู มาดูนี่เร็ว”
เยซองจูงมือร่างบางไปยังมุมห้อง
ร่างสูงคุกเข่าลงแล้วแงะพื้นห้องขึ้นมาซึ่งที่แท้จริงแล้วทำเป็นฝาปิดห้องที่อยู่ใต้เรือไปอีก
“ข้างล่างมีอะไรหรอครับคุณเยซอง”
เรียวอุคถามขณะที่เดินตามเยซองลงบันไดไปข้างล่าง
แต่เจ้าของเรือยังไม่ทันได้ตอบ เรียวอุคก็เดินลงมาจนถึงห้องที่บันไดนั้นทอดลงมา
“ทำไมต้องทำห้องนอนไว้ใต้เรือด้วยครับเนี่ย”
เรียวอุคหันไปถามอีกคนที่ยืนล้วงกระเป๋าอยู่
“มันตื่นเต้นดีออก
อีกอย่างเวลาฉันทำอะไรกับเธอในห้องนี้ จะได้ส่งเสียงได้อย่างเต็มที่ไงล่ะ” เยซองลูบหัวทุยของอีกคนอย่างหมั่นเขี้ยวในอารมณ์
“ดีจังเลย” ร่างบางยิ้ม ในสมองคิดว่าคงจะเป็นการร้องคาราโอเกะ
เต้นรำ เล่นดนตรีหรืออะไรจำพวกนั้นที่เยซองพูดถึง
แต่ในหัวของเพลย์บอยตัวพ่อที่ยืนอยู่ข้างๆกัน กลับคิดไปอีกอย่างหนึ่งเลยล่ะ คิคิ
ในยามบ่ายที่แสนสุขวันนั้น
ร่างบางกำลังนั่งทอดไก่อยู่ที่บริเวณใกล้ๆโต๊ะกินอาหารนอกเรือ
โชคดีที่วันนี้มีเพียงแสงแดดอ่อนๆให้แค่สบายตัวเท่านั้น
ทั้งสองจึงสามารถขนอุปกรณ์ทำอาหารมาข้างนอกเรือได้
“รยองกู
มาเล่นน้ำกันดีกว่า” ร่างบางหันไปมองตามเสียงเรียกของเยซอง
แต่ทันใดนั้นก็ต้องแทบจะหลบสายตาไปทางอื่นเมื่อเห็นว่า ร่างสูงกำลังถอดเสื้อเผยให้เห็นแผงอกแกร่งและกล้ามเนื้อหน้าท้องประดับอยู่
แม้เพียงนิดเดียวแต่ก็ชวนให้ใจสั่นไม่น้อย
“ลงมาเร็วๆสิ” เสียงเข้มร้องเรียกขณะที่กำลังว่ายอยู่ในน้ำ
ร่างบางถึงแม้จะอยากลงไปแต่ก็ลำบากใจอยู่ไม่น้อย
“คุณเยซองเล่นเถอะครับ
ผมจะทำอาหารอยู่ตรงนี้แหล่ะ” ร่างบางตะโกนบอกอีกคน “ถ้าคุณเยซองหิว
จะได้มีอะไรกินไงครับ”
“อ่า ก็ได้ๆ” เยซองว่าพลางว่ายน้ำเข้ามาใกล้เรือมากขึ้น “รยองกู
ฉันจะขึ้นแล้ว มาช่วยดึงมือฉันหน่อยสิ”
ร่างบางจำต้องทิ้งงานตรงหน้าแล้วเดินไปหาร่างสูง
มือเล็กยื่นไปหาอีกคนเพื่อให้เยซองจับขึ้นมา
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นที่ริฝีปากหนาโดยที่เรียวอุคไม่ทันสังเกต
มือหนาจับเข้าที่มือเล็กแน่นก่อนจะกระชากอย่างแรงจนอีกคนร้องลั่นด้วยความตกใจ
ตูม!!!
แม่น้ำแตกกระจายเป็นวงกว้างจากการที่ร่างเล็กๆของอีกคนตกลงไป
ร่างบางผุดขึ้นมาจากน้ำอย่างรวดเร็ว
ก่อนที่กำปั้นเล็กจะกระหน่ำรัวไปที่อกแกร่งเบาๆ
“คุณเยซองอ่ะ บ้าที่สุดเลย
ผมตกใจนะครับ” ใบหน้าหวานง้ำงอจากการที่โดนอีกคนแกล้ง
ร่างสูงได้แต่หัวเราะ แขนแกร่งยกขึ้นปัดป้องมือเล็กเป็นพัลวัน
“ฉันอยากให้เธอมาเล่นด้วยกันนี่นา
อย่างอนเลยนะครับ รยองกู” ใบหน้าหล่อยื่นเข้าไปใกล้อีกคนมากขึ้น
สายตาทั้งสองประสานกันห่างเพียงไม่กี่คืบ มือหนาค่อยๆเลื่อนลงไปกระชับเอวบางให้เข้ามาใกล้ชิดมากขึ้นโดยที่อีกคนไม่รู้ตัว
สัมผัสได้ถึงเนื้อนวลเนียนภายใต้อาภรณ์ที่เปียกลู่ไปกับผิว สายตาคมไล่สำรวจใบหน้าหวานที่ขึ้นสีเพราะขาดอากาศหายใจชั่วคราว ริมฝีปากบางสีสวยเผยออ้าเล็กน้อย ยังไม่รวมถึงหยาดน้ำที่เกาะพราวไปทั่วใบหน้าสวยกับผมที่เปียกลู่ไปกับต้นคอที่เสริมให้เด็กน้อยตรงหน้าดูเซ็กซี่ขึ้นเป็นกอง
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นที่ริมฝีปากหนาของชายหนุ่ม ก่อนจะเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้กับอีกตนมากขึ้น ร่างบางหลับตาลง
แข็งเกร็งไปทั่วร่างกายด้วยความตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
ริมฝีปากหนาประทับจูบไปบนเรียวปากบาง ลิ้นหนาเลียวนชิมรสหวานซ่านที่สัมผัสได้ แรงดึงดูดเบาๆที่ริมฝีปากทำให้คิ้วสวยขมวดด้วยความวาบหวาม
ยิ่งอยู่ในสภาพที่เนื้อแนบเนื้อแบบนี้แล้วยิ่งทำให้สติเริ่มเตลิดไปไกลมากขึ้น ร่างสูงผละออกมาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยแนบชิดริมฝีปาก
“อ้าปากหน่อยสิ
รยองกู” ริมฝีปากหนาบดเบียดรุกเร้าให้อีกคนตอบรับสัมผัส
ริมฝีปากบางค่อยๆเผยออ้าให้ลิ้นหนาเข้ามาสำรวจให้โพรงปากเล็ก
ร่างบางส่งลิ้นเรียวไปเกี่ยวพันอย่างกล้าๆกลัวๆ แขนแกร่งโอบรัดรอบเอวบางแนบแน่นขึ้นอีก
จนกายทั้งสองบดเบียดชิดกันไม่เหลือช่องว่าง
ลมหายใจร้อนเป่ารดกันจนใบหน้าของทั้งคู่ขึ้นสีระเรื่อ
แขนขาวเลื่อนไปโอบรอบคอแกร่ง เด็กหนุ่มเริ่มเรียนรู้ที่จะตอบรับสัมผัสร้อนแรงได้ดีขึ้น
มือหนาเลื่อนลงไปยกขาเรียวขึ้นมาเกี่ยวเอวหนาของตัวเองไว้ทั้งสองข้าง
เรียวปากบางผละออกจากตกใจเมื่อรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่างของอีกคนที่เริ่มเปลี่ยนแปลงขนาดบดเบียดเสียดสีกับของตนเอง
“ค คุณเยซอง แฮ่ก
แฮ่ก” ร่างบางหอบหายใจน้อยๆ ก้มลงมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นใต้น้ำ
ก่อนจะสบตากับอีกคนอย่างไม่เข้าใจ “นั่นมันอะไรหรอครับ”
“ไม่มีอะไรหรอก”
เยซองว่า มองดูใบหน้าหวานที่ซบลงกับอกแข็งเปลือยเปล่าไม่ต่างกับเด็กน้อยขี้กลัว
ก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้มนุ่มแผ่วเบาราวกับจะปลอบโยน “ไปอาบน้ำกันเถอะ
รยองกู”
ทั้งสองคนประคองกันขึ้นมาจากน้ำ ร่างสูงลอบมองเรือนร่างบอบบางที่ซ่อนอยู่ภายใต้อาภรณ์ที่เปียกลู่ไปกับผิวอย่างอดไม่ได้
ยิ่งกายเล็กสะท้อนกับแสงแดดอ่อนๆเวลาบ่ายยิ่งทำให้เสื้อผ้าที่เปียกน้ำยิ่งบางเข้าไปอีก
“หวา เปียกหมดเลย”
เรียวอุคขมวดคิ้วมองดูสภาพเปียกปอนของตัวเอง
“ไปอาบน้ำสิ
จะได้สบายตัว” เยซองลูบหัวคนตัวเล็กกว่าเบาๆ ร่างบางพยักหน้ารับก่อนทำท่าจะเดินเข้าไปในเรือ
แต่ก็ต้องหยุดเมื่อเห็นว่าอีกคนเดินไปทางโต๊ะกินอาหารข้างนอก
“คุณเยซองไม่อาบน้ำหรอครับ”
“ฉันหิวน่ะ เดี๋ยวฉันตามไปนะ”
ร่างสูงส่งยิ้ม มือหยิบไก่ทอดขึ้นมา เรียวอุคยิ้มรับก่อนจะเดินหายเข้าไป
‘เธอรู้ไหม
ฉันไม่ได้อยากกินไก่หรอกนะ รยองกู’
สายน้ำรดรินร่างบอบบาง
มือเล็กถูฟองน้ำไปทั่วเรือนร่างของตัวเอง ริมฝีปากเล็กคลี่ยิ้มบางๆเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในน้ำเมื่อสักครู่
ใบหน้าหวานร้อนขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวยามนึกถึงตอนริมฝีปากและลิ้นของทั้งคู่สัมผัสกันลึกซึ้ง จนเรียวอุคอาบน้ำเสร็จและใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย
สายตาหวานก็ยังคงเหม่อลอยอยู่
“รยองกู” ร่างบางสะดุ้งน้อยๆเมื่อเสียงเข้มเรียกชื่อตนเอง
เยซองเดินตามลงมาที่ห้องนอนเพื่อที่จะอาบน้ำ
ก็เห็นร่างบางกำลังยืนเหม่ออยู่ที่หน้าต่างใสที่มองเห็นใต้น้ำได้ ขายาวก้าวเข้าไปซ้อนด้านหลังคนตัวเล็ก
แขนแกร่งกอดรัดเอวบางไว้อย่างรวดเร็ว
“อ๊ะ” เรียวอุคตกใจเล็กน้อย หลังเล็กเหยียดตรงเมื่อรู้สึกได้ถึงแผงอกแกร่งที่เข้ามาแนบชิดกาย
“คุณเยซอง งื้อออ” เสียงหวานเอ่ยในเชิงห้ามเมื่อจมูกโด่งฝังลงมาที่แก้มนิ่ม
ก่อนจะละไปยังซอกคอหอมกรุ่น คนตัวเล็กพยายามเบี่ยงหลบสัมผัสวาบหวามนั่น
แต่ก็ต้องแพ้วงแขนแกร่งที่รัดเอวคอดไว้แน่นนี่อยู่ดี
“ทำไมตอนฉันใช้มันไม่หอมขนาดนี้นะ
ครีมอาบน้ำเนี่ย” เยซองส่งยิ้มอบอุ่นให้คนในอ้อมกอด วงแขนแกร่งคลายออกอย่างหลวมๆพอ ให้คนตัวเล็กเคลื่อนไหวได้บ้าง
“ก ก็คุณเยซอง
ตัวเหม็นนี่นา” ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อ
สายตาหวานสบตากับอีกคนอย่างเขินๆ
“หึหึ
แล้วรู้ตัวหรือเปล่า” สายตาคมสบกับอีกคนที่มองมาตาแป๋ว มือหนาเกลี่ยปอยผมที่ปรกใบหน้าหวานออกเบาๆ
ก่อนจะกระซิบเสียงทุ้มนุ่มชวนหลงใหล “ว่า...น่ารัก”
ฉ่า >////<
ใบหน้าหวานร้อนขึ้นเมื่อได้ยินคำชมอย่างตรงไปตรงมาจากคนตรงหน้า
ริมฝีปากบางกำลังจะเอื้อนเอ่ยปฏิเสธ แต่ก็ไม่ทันอีกคนที่ประทับจุมพิตร้อนแรงลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัวจนสติแทบหลุดลอย...
“อื้มมมม” เสียงหวานครางต่ำในลำคอ
เมื่ออีกคนบดขยี้จุมพิตหวานซ่านปนร้อนแรงจนแทบละลาย
ลิ้นหนาเกี่ยวพันลึกซึ้งกับลิ้นเรียว
ไล้ชิมความหวานในโพรงปากเล็กอย่างเพลิดเพลิน
ก่อนจะผละออกมากระซิบแนบเรียวปากบางด้วยเสียงสั่นเครือ
“เป็นของฉันนะ รยองกู”
“ผ ผมทำไม่เป็นฮะ”
กายเล็กทำอะไรไม่ถูกเมื่อคนที่ยืนซ้อนอยู่ข้างหลังเอื้อมมือมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตนช้าๆ
“เดี๋ยวฉันสอนให้”
เสียงแหบพร่ากระซิบแนบหูอย่างควบคุมอารมณ์ แขนแกร่งยกร่างบางตัวลอยละลิ่ว
ก่อนจะวางลงบนที่นอนนุ่มอย่างทะนุถนอม สายตาคมจ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่สวยอย่างสื่อความหมาย
ริมฝีปากหนาบดเบียดเข้ากับเรียวปากนุ่มอีกครั้ง
ลิ้นหนาเกี่ยวพันกับลิ้นเล็กด้วยความหลงใหล
ร่างบางเคลิ้มไปกับสัมผัสหวานซ่านจนไม่รู้สึกถึงมือหนาที่ลูบไล้ไปทั่วผิวเนียนสวย เรือนกายเล็กเปลือยเปล่าในเวลาไม่นานด้วยฝีมือของร่างสูง
ร่างบางตัวสั่นน้อยๆด้วยความตื่นเต้นและความกลัวปะปนกัน
หัวใจดวงน้อยยิ่งเต้นระรัวเข้าไปอีกเมื่อคนตรงหน้าถอดเสื้อเชิ้ตของตนออก
เผยให้เห็นร่างกายที่ประดับไปด้วยกล้ามเนื้อชวนให้หลงใหล
“ไม่ต้องกลัวนะ
เด็กน้อย” ริมฝีปากหนาจูบเบาๆไปตามหน้าผากเนียนและขมับ ดวงตาคู่สวยหลับพริ้มลงราวกับจะซึมซับความอ่อนโยนผ่านจุมพิตนั่น
“กอดฉันไว้
ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น”
ริมฝีปากหนาประทับจูบไปที่ริมฝีปากบางเบาๆ
ก่อนจะไล้ลงมาที่ซอกคอหอมกรุ่น ขบเม้มฝากรอยรักสีจางไปทั่วผิวเนียนสวยไร้ที่ติ
เสียงครางหวานหลุดออกมาเป็นระยะด้วยความไม่คุ้นเคยกับสัมผัสที่ได้รับ
“อ๊า ม มัน อื้อ
แปลกๆ อ่ะ คุณเยซองงง” เสียงหวานกระเส่าดังขึ้นเมื่ออุ้งปากร้อนเข้าครอบครองเม็ดบัวสีสวยอย่างเอร็ดอร่อย
ลิ้นหนาตวัดเลียชิมรสอย่างหื่นกระหาย นิ้วเล็กสอดเข้าไปในกลุ่มผมดำช้าๆ
แผ่นอกบางแอ่นรับสัมผัสอย่างไร้เดียงสา ร่างบางโหวงในช่องท้องอย่างแปลกๆ ความรู้สึกซาบซ่านแผ่กระจายไปทั่วร่าง
ริมฝีปากบางเผยออ้าปล่อยเสียงครางกระเส่าไม่หยุด
ร่างสูงดูดดึงขบเม้มไปทั่วร่างกายชื้นเหงื่อทุกส่วนสัด
กลิ่นกายหอมหวานกับผิวขาวลื่นมือยิ่งกระตุ้นความกระหายอยากให้กับชายหนุ่ม
อยากจะกลืนกินคนตรงหน้าเข้าไปซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายๆรอบ
“คุณเยซอง ต ตรงนั้นมัน
งื้อออออ” ดวงตาหวานเบิกกว้าง เมื่อรับรู้ได้ถึงความอุ่นร้อนที่ครอบครองส่วนอ่อนไหวของตน
ก่อนจะครางเสียงหวานเมื่อริมฝีปากหนารูดรั้งกายส่วนล่าง
ลิ้นหนาเลียวนหนักส่วนปลาย
ความเสียวซ่านอย่างที่ไม่เคยพบพานมาก่อนแล่นไปทั่วร่างราวกับกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ
กายเล็กบิดเร้าอย่างทนไม่ไหว ก่อนจะถึงจุดสิ้นสุดของอารมณ์
“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก” แผ่นอกบางกระเพื่อมขึ้นลงจากการหอบหายใจหนัก
เหงื่อเกาะพราวทั่วใบหน้าหวานเร้าอารมณ์คนที่อยู่ข้างบนยิ่งนัก
แต่ก็พักได้ไม่นานเมื่อรู้สึกได้ถึงนิ้วแข็งที่ค่อยๆสอดเข้ามาในช่องทางด้านหลัง
จากหนึ่งนิ้วเป็นสองนิ้วและสามนิ้ว
“อ่า” ร่างสูงซี้ดปากเบาๆเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงตอดรัดจากอีกคน ร่างบางกัดปากน้อยๆ เมื่อนิ้วแข็งค่อยขยับๆเข้าออก
“อ๊า มัน อึก
คุณเยซองงง” กายเล็กสั่นเกร็ง เมื่อนิ้วแข็งขยับเข้าออกช้าๆ จนกระทั่งแน่ใจว่าอีกคนพร้อมแล้ว
มือหนาจับขาเรียวเล็กแยกออกเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆแทรกกายเข้าไปตรงกลาง
เสียงเล็กแหลมหวีดร้องด้วยความเจ็บปวด
นิ้วเมื่อสักครู่เทียบอะไรไม่ได้เลยกับสิ่งที่เข้ามาตอนนี้ ริมฝีปากหนาพรมจูบไปทั่วใบหน้าสวย
หยาดน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของร่างบาง
“ผ่อนคลายนะครับ
เด็กน้อย เดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเป็นเชิงปลอบโยน นิ้วเล็กจิกไปที่แผ่นหลังกว้างแน่น ร่างสูงค่อยๆขยับกายเข้าออก แต่ก็ไม่ง่ายนักเพราะช่องทางของอีกคนตอดรัดหนักหน่วงเหลือเกิน
“ฮึก ฮึก ผม จ เจ็บ
อ่ะ ไม่เอาแล้ว ฮึก” ร่างเล็กพยายามถอยร่นออกจากการรุกเร้าของร่างสูง
แต่ก็ไม่ได้ดั่งใจเมื่อมือหนาจับเอวบางไว้แน่น
ริมฝีปากหนาบดเบียดเรียวปากบาง
ส่งลิ้นหนาเข้าไปเกี่ยวพันกับลิ้นเล็กหวังจะให้ร่างเล็กลืมความเจ็บปวดที่กายส่วนล่าง
“เราหยุดไม่ได้แล้ว
รยองกู” เยซองกระซิบเสียงแหบพร่า ก่อนจะฝากรอยรักไปตามผิวสวย
ลิ้นหนาชิมรสเม็ดทับทิมสีสวยอีกครั้งอย่างอดไม่ได้
เอวสอบขยับเข้าออกช้าๆในขณะที่ช่องทางรักก็ดูเหมือนจะผ่อนคลายมากขึ้น
“อ่ะ อ่ะ คุณเยซอง
ช้าหน่อยฮะ” มือเล็กยันไหล่แกร่งเป็นเชิงห้าม
ใบหน้าหวานเชิดขึ้นเมื่อความเสียวซ่านเข้าถาโถม ความรู้สึกเจ็บแสบบริเวณช่องทางด้านหลังค่อยๆจางไป
แปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่แทบหลอมละลายกายเล็กให้กลายเป็นช็อกโกแลตเหลว แขนแกร่งกอดตระกองร่างบอบบางเอาไว้แน่น
เอวสอบเคลื่อนเข้าช่องทางรักช้าลง ก่อนจะค่อยเร่งจังหวะเมื่อเห็นว่าอีกคนเริ่มชิน
“อ่ะ อ๊ะ อื้ออ
คุณเยซองงง” ร่างบางจิกผ้าปูที่นอนจนแทบขาดคามือ จังหวะรักช่วงล่างเร่งเร้าจนกายสวยบิดเร้า
เอวบางแอ่นเข้าหาสะโพกสอบอย่างลืมตัว
เยซองก้มลงครอบครองริมฝีปากแดงเห่ออีกครั้ง มือหนาบีบเค้นสะโพกสวย
ร่างบางขมวดคิ้วแน่นอย่างสะกดกลั้นอารมณ์
มือเล็กค่อยๆเคลื่อนมาเกาะที่ไหล่แกร่ง
ก่อนจะเกร็งจิกไปทั่วแผ่นหลังกว้างเมื่อร่างสูงสวนสะโพกเข้ามาไม่ยั้ง
“อ่ะ รยองกู อึก
เธอทำฉันคลั่งนะรู้ไหม” ช่องทางอุ่นร้อนโอบรัดตัวตนของร่างสูงดีเยี่ยม
เนื้อกายบดเบียดเสียดสียิ่งเพิ่มความร้อนแรงให้กับกิจกรรมรัก เรียวปากบางสีจัดเผยออ้าระบายลมร้อนในกาย
เสียงหวานครวญครางจนขาดห้วงในบางครั้ง
จากความเจ็บปวดตอนนี้กลายเป็นความรู้สึกดีจนรู้สึกเหมือนจะลอยได้
แขนขาวกอดกายแกร่งเอาไว้แน่นราวกับจะหาที่ยึดเหนี่ยว ดวงตาทั้งสองแลสบกันชวนให้หวั่นไหว จมูกโด่งซุกไซร้ไปตามซอกคอขาวที่มีรอยแดงประปราย
กลิ่นกายยามอยู่ในห้วงและความปรารถนาปะปนกับกลิ่นหอมตามธรรมชาติของร่างบางยิ่งทำให้ร่างสูงเตลิดเปิดเปิง
หลงใหลกายเล็กจนถอนตัวไม่ขึ้น
“อ่ะ อ่า อ่า
คุณเยซองง ผ ผม อ๊า” ร่างบางกัดริมฝีปากจนห้อเลือด
ความซ่านเสียวแล่นไปทั่วสรรพางค์กายทุกครั้งที่ส่วนปลายกระแทกลึก
ขาขาวถูกจับมาเกาะกับสะโพกสอบ
ร่างสูงเร่งจังหวะเมื่อรู้สึกได้ถึงปลายทางที่จะมาถึง
“อดทนนะ อีกนิดเดียว
อ่า”
“อ่ะ อื้ออ ผ ผม
ไม่ไหวแล้ว อ๊า อื้มม”
“อ่า”
สายธารแห่งความสุขปลดปล่อยออกมาล้นช่องทางด้านหลัง
ร่างบางทั้งตัวลงกับเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน เยซองจูบเคล้าคลึงริมฝีปากบางเบาๆ
มีความสุขเหลือเกินที่ได้ครอบครองร่างกายบอบบางนี้
“น่ารักที่สุดเลย
รยองกู” เยซองยิ้มให้กับคนตัวเล็กในอ้อมกอด
ริมฝีปากหนาจูบซับไปทั่วใบหน้าหวานชื้นเหงื่อ เรียวอุคแทบลืมตาไม่ขึ้น
ไม่เคยเหนื่อยขนาดนี้มาก่อนในชีวิต เหนื่อย...แต่ก็มีความสุขเหลือเกิน
“ผมขอหลับก่อนนะครับ”
เสียงหวานเอ่ยขอแผ่วๆ ร่างสูงยิ้มน้อยๆอย่างเอ็นดู
แขนแกร่งกระชับร่างบางให้เข้ามาแนบชิดกันมากขึ้น ก่อนจะหลับใหลเข้าสู่ห้วงนิทราไปพร้อมกัน
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านล่วงเลยมาเท่าไร
เปลือกตาสวยค่อยๆขยับก่อนจะกระพริบตาถี่ๆ ร่างบางสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา
ก่อนจะลืมตาโพล่งและหยิบนาฬิกาขึ้นมาดู
‘จะไปเรียนไวโอลินทันไหมเนี่ย’
เรียวอุคร้อนรนจะลุกขึ้นจากเตียงแต่ก็ทำไม่ได้ดั่งใจเพราะความปวดร้าวที่แล่นขึ้นมาตามกระดูกสันหลังทำให้ต้องล้มตัวลงไปนอนอีกครั้ง
หัวใจดวงน้อยสั่นระรัวเมื่อรับรู้ได้ถึงความอุ่นวาบที่คั่งค้างอยู่ในกาย
ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีไหลเข้ามาพร้อมกับสติสัมปชัญญะ
‘ถ้าพี่ดงเฮรู้’
เรียวอุคหันไปมองเจ้าของอ้อมกอดที่กำลังหลับสบาย
สายตากวาดไปที่เสื้อผ้าที่กระจายอยู่ที่พื้นห้องด้วยความละอาย
รอยแดงประปรายตามร่างกายกับความเจ็บแสบที่ช่องทางด้านหลังเตือนให้รู้ว่าเขาไม่ใช่เด็กน้อยที่แสนบริสุทธิ์อีกต่อไป
คิมเรียวอุคก็เป็นแค่เด็กใจแตกคนนึงเท่านั้นเอง
น้ำตาไหลพรากออกมาจากดวงตาคู่สวย
ร่างบางพยายามกลั้นเสียงสะอื้น กัดฟันฝืนความเจ็บปวดไปอาบน้ำชำระคราบคาวความใคร่ออกจากตัว
มือเล็กถูฟองน้ำไปตามตัวอย่างเร่งรีบ
อดใจหายไม่ได้เมื่อรอยแดงเหล่านั้นไม่ได้จางออกไปง่ายๆ
ร่างเล็กออกแรงขัดจนผิวสวยบัดนี้แดงเห่อไปหมด ขาเรียวทรุดลงกับพื้นห้องน้ำ
น้ำตาไหลลงมาปะปนกับสายน้ำที่รดออกมาจากฝักบัว
“ฮึก ฮือออออ” เสียงสะอื้นไห้ดังสะท้อนในห้องน้ำนั่น
ในหัวนึกถึงข่าวของร่างสูงเกี่ยวกับผู้หญิงที่เปลี่ยนหน้าแทบไม่ซ้ำกันหลายคน
‘แฟนกันหรือก็ไม่ใช่
ทำไมยอมเขาง่ายอย่างนี้ ทำไมใจง่ายเหลือเกินเรียวอุค’
ใบหน้าสวยซุกลงกับเข่า
เด็กน้อยสะอื้นไห้จนตัวสั่นไปหมด ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเลและรีบอาบนำให้เสร็จก่อนร่างสูงจะตื่นขึ้นมา
ขาเรียวก้าวไปที่เตียง
บนนั้นยังมีร่างสูงที่นอนหลับสนิท เรียวอุคนั่งลงข้างๆอย่างระมัดระวัง
มือเล็กลูบเบาไปตามโครงหน้าหล่อ
‘อีกไม่นานนายจะถูกเขาเขี่ยทิ้งแล้วสินะเรียวอุค
เขาได้นายแล้วนี่ คุณเยซอง ถึงแม้คุณจะรักผมหรือไม่ แต่อยากให้คุณรู้ว่า ผมรักคุณมากนะครับ’
ร่างบางพยายามยิ้มให้กับตัวเอง
ใบหน้าหวานโน้มลงไปกดจูบเบาๆที่ริมฝีปากหนา ก่อนจะออกจากเรือไปอย่างเงียบเชียบ
“เรียวอุค
วันนี้กลับดึกจังเลย” ลีดงเฮเอ่ยทักทายน้องชายที่เดินเข้ามาในสภาพที่เขามองแวบเดียวก็รู้ว่าไม่ปกติ
‘ตาบวมแถมยังเหม่อลอยแปลกๆอีก
นี่ใครทำอะไรนายงั้นหรอ’
ร่างบางเดินเข้าไปในห้องนอนและล้มตัวลงนอนอย่างอิดโรย
หมดเรี่ยวแรงที่จะทำอะไรทั้งสิ้น ทั้งกายทั้งใจมันไม่ไหวอีกแล้ว
นักสืบหนุ่มเดินเข้ามาในห้องนอน
ขาวก้าวไปดูอีกคนที่เข้าสู่ห้วงนิทราไปเรียบร้อย ชายหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
‘ไม่นะเรียวอุค
ไม่ว่านายจะเหนื่อยมาจากไหน นายก็ต้องอาบน้ำก่อนนอนสิ นี่นายเป็นอะไร’
ลีดงเฮจัดท่านอนให้น้องชายนอนในท่าหงาย มือหนาดึงผ้าห่มขึ้นมาหมายจะห่มให้ร่างบางแต่ก็ต้องสะดุดกับรอยแดงแปลกๆที่คอขาว
ชายหนุ่มเบิกตากว้าง มองแวบเดียวก็รู้ว่ามันคืออะไร
ทำให้นักสืบหนุ่มเดาสาเหตุที่น้องชายของเขาอยู่ในสภาพนี้ได้อย่างไม่ยากเย็น
ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเตียงมองหน้าของเรียวอุคอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดเบอร์โทรของคนที่เขาควรโทรหาตั้งนานแล้ว
“นี่ ดงเฮ พี่ชายของเรียวอุคนะ
ขอถามอะไรหน่อยสิ...”
บนเตียงนอนนุ่ม
ชายหนุ่มค่อยๆลืมตาจากนิทราอันแสนหวาน
แขนแกร่งกวาดไปข้างกายหมายจะคว้าคนน่ารักมาฟัดให้ชื่นใจ.....แต่ที่คว้าได้กลับมีแต่อากาศธาตุ
“รยองกู” เยซองลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว
สายตาคมกวาดหาร่างบางไปทั่วห้อง ขายาวก้าวลงจากเตียงไปดูที่ห้องน้ำก็ไม่พบ หัวใจชายหนุ่มร้อนรนรีบวิ่งขึ้นไปดูบนเรือ
ก็ว่างเปล่า เยซองแผดเสียงอย่างเจ็บใจเมื่อทุกๆที่ในเรือไร้ร่องรอยของร่างบางที่แสนรัก
“โธ่เว้ย!!!
รยองกู เธอหายไปไหนกัน”
ร่างสูงรีบออกจากเรือแล้วบึ่งรถตรงกลับเข้าสู่ตัวเมืองทันที
ในมือกดโทรศัพท์มือถือหาเบอร์คนที่คิดว่าน่าจะช่วยแก้ปัญหานี้ให้เขาได้
“ฮัลโหล พี่อีทึก
ผมมีเรื่องให้ช่วย”
ดงเฮนั่งมองน้องชายที่หลับสนิทอยู่บนเตียง
เรียวอุคนอนไปสักพักก็ตัวรุมๆจนดงเฮต้องเอาผ้ามาชุบน้ำเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้พอเป็นพิธี ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆด้วยความเป็นห่วงน้อง
ร่างบางเป็นเด็กร่าเริงแจ่มใส
แต่ช่วงนี้เขาสังเกตได้ว่าเรียวอุคแปลกๆไปอย่างเห็นได้ชัด
ยิ่งในวันนี้เห็นรอยแดงที่คอขาวแล้วก็ยิ่งอยากรู้สาเหตุ
ที่ทำให้ร่างบางนอนซมอย่างนี้ และที่ทำให้น้องชายต้องโกหกว่าออกไปซ้อมกับเฮนรี่ทุกวันด้วย
‘พี่ไม่โกรธนายหรอกรู้ไหม ขอแค่...พูดความจริงกับพี่เท่านั้น’
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
นักสืบหนุ่มจำต้องลุกจากเก้าอี้ข้างเตียงเมื่อ
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น มือหนาปิดประตูห้องนอนให้เรียบร้อย
เพื่อให้ร่างบางพักผ่อนอย่างเต็มที่ ดงเฮเปิดประตูหน้าห้องเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนหันหลังให้
เจ้าของห้องกำลังจะเอ่ยทักทายแต่ก็ต้องผงะเมื่อเห็นว่า ผู้มาเยือนคือใคร
“เอ่อ ใช่คุณลีดงเฮ
ที่เป็นนักสืบหรือเปล่าครับ” เสียงเข้มเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ
“ช ใช่ครับ” นักสืบหนุ่มพยักหน้าช้าๆ
“ผมอยากให้คุณตามหาคนหน่อยครับ”
ความเครียดและความกังวลฉายเด่นชัดบนใบหน้าหล่อ
“ครับ เข้ามาก่อน
ขอทราบชื่อคุณด้วยครับ” ที่จริงก็รู้ดีอยู่แล้วว่าคนตรงหน้านี้เป็นใคร
ก็ดงเฮเคยไปตามสืบเขามาตั้งหลายอาทิตย์นี่นา
“ผมชื่อเยซอง ผมมาตามหา เอ่อ
เด็กผู้ชายคนหนึ่ง” เยซองนั่งลงที่โต๊ะตรงข้ามกับนักสืบหนุ่มที่อีทึกแนะนำให้เขามาหา
“เขาเป็นเด็กผู้ชายที่มาหาผมในตอนบ่ายของทุกวัน”
“หรอครับ” ดงเฮเริ่มหวั่นนิดๆกับข้อมูลของคนที่ร่างสูงต้องการให้ตามหา
“ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร
บ้านอยู่ไหน ครอบครัวเป็นยังไง ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย” ร่างสูงถอนหายใจ ที่มานึกได้ว่า เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับร่างบางเลย
“เอ่อ แล้วพอจะรู้ชื่อเขาไหม ข้อมูลอะไรก็ได้ครับ ที่คุณสังเกตเห็น” ดงเฮยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกคน ในมือควงปากกาไปมาตามนิสัย
“ผมรู้แต่ว่าเขาชื่อ รยองกู”
เสียงเข้มเอ่ยแผ่วเบา
“ห่ะ!!!!” เยซองสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงของดงเฮ ร่างสูงมองนักสืบหนุ่มอย่างงงๆ เมื่อคนตรงหน้าแผดเสียงออกมาซะขนาดนั้น
“เอ่อ รู้จักหรอครับ” เยซองมองคนตรงหน้าที่ทำหน้าตกใจในตอนแรกก่อนจะทำหน้าปกติอย่างรวดเร็ว
“ไม่หรอกครับ
มีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมไหมครับ อย่างเช่น ของที่เขาพกติดตัวบ่อยๆ คำพูดติดปาก”
ดงเฮพยายามพูดให้อีกคนนึกออก
“เอ่ออ”
“หรือว่า...เครื่องดนตรีที่เขาเล่น”
“เขาเล่นไวโอลินครับ เล่นได้เพราะมากๆด้วย” เยซองทำท่านึกออก
ดงเฮถอนหายใจก่อนจะยิ้มบางๆ
“เขาหายไปตอนไหนหรอครับ” ดงเฮก้มหน้าก่อนจะเงยขึ้นมาสบตากับอีกคน
“หลังจากเอ่อ เรามีอะไรกัน
ผมตื่นขึ้นมา เขาก็หายไปแล้วครับ” หัวใจของนักสืบหนุ่มเหมือนหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อได้ยินคำพูดของเยซอง ใจหนึ่งก็อยากจะเหวี่ยงหมัดไปที่ใบหน้าหล่อนั่น
แต่...มันจะเกิดประโยชน์อะไร นิสัยเคร่งขรึมตามแบบฉบับนักสืบบอกกับเขาอย่างนั้น
ลีดงเฮได้แต่นั่งเงียบ จนเยซองเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
“คุณนักสืบครับ” เสียงเอ่ยเรียกคนที่นั่งนิ่ง
“ผมคิดว่าผมรู้แล้วล่ะ” ดงเฮเอ่ยเสียงเบา ส่งยิ้มบางไปให้เยซอง
“เขาอยู่ไหนครับ” ชายหนุ่มเบิกตากว้างด้วยความดีใจ รอฟังคำตอบจากดงเฮอย่างใจจดจ่อ
“ก่อนอื่นผมขอถามคุณก่อน” ดงเฮประสานมือไว้บนโต๊ะ “คุณตามหาเขาทำไม เขามีความสำคัญอะไรกับคุณงั้นหรอ
ทั้งๆที่คุณมีข่าวว่าเป็นเพลย์บอย คุณหาใหม่ก็ได้นี่ครับ”
“….”
“หรืออีกนัยหนึ่ง ผมหมายถึง
คุณรักเขาหรือเปล่า” ดงเฮรอฟังคำตอบจากคนตรงหน้าอย่างเงียบๆ ถ้าคำตอบมันไม่เป็นอย่างที่ควรเป็นล่ะก็
รับรองได้
คิมเยซองจะไม่ได้พบกับรยองกูของเขาอีกเลย...ตลอดชาติ!!
“ผม เอ่อ ไม่รู้สิ
มันอาจจะเร็วเกินไป” เยซองตอบไม่เต็มเสียง
ดงเฮพยายามซ่อนแววตาแข็งกร้าวเอาไว้ “ผมรู้จักกับเขาได้
ไม่ถึง 2 อาทิตย์”
“ตกลงยังไง
คงเห็นเขาเป็นแค่ของเล่น..ใช่ไหมครับ” เสียงเข้มของนักสืบหนุ่มเริ่มกระชากขึ้นมานิดๆ
แต่เยซองไม่ทันได้สังเกต
“ผ ผม เอ่อ ไม่รู้สิ ผมรู้แต่ว่า
ผมอยู่กับเขาแล้วโคตรมีความสุข เขาหายไปอย่างนี้แล้วผมทนไม่ได้ ผมรู้สึกว่าผมขาดเขาไม่ได้
คิดถึงเขาตลอดเวลา อย่างนี้ เรียกว่าผมรักเขาหรือเปล่าครับ” เยซองมองคนตรงหน้าอย่างรู้สึกสับสนในตัวเองอย่างมาก
ใช่ เขาเคยเป็นเพลย์บอย ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าก็จริง แต่พอมาเจอกับร่างบางแล้ว
เขาไม่อยากไปไหน อยากจะผูกติดกับคนคนนี้..ตลอดชีวิต
อย่างนี้มันเรียกว่าความรักหรือเปล่านะ
“คุณต้อง assume เอาเองนะครับ พอดีผมเป็นนักสืบ ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านความรัก” ดงเฮอมยิ้มน้อยๆ เขาพอจะเดาคำตอบของเยซองออกแล้วล่ะ
แค่อยากได้ยินจากปากชัดๆก็เท่านั้นเอง
“ครับ ผมรักเขา ผมรักรยองกูครับ”
ดวงตาคมฉายแววจริงจังทำเอาดงเฮยิ้มน้อยๆ
“เด็กคนนั้นไม่ได้ชื่อรยองกู”
เยซองตั้งใจฟังนักสืบหนุ่ม “เด็กคนนั้นชื่อว่า
เรียวอุค”
“เรียวอุคงั้นหรอ” เยซองประหลาดใจไปเล็กน้อย นึกไปถึงคืนแรกที่พบกัน
ร่างบางไม่ยอมบอกชื่อกับเขา แต่เขาเรียกเองเพราะว่าเห็นคำว่า รยองกู
เขียนบนกล่องไวโอลินที่ร่างบางถือมาด้วย
“รยองกูเป็นฉายาที่เพื่อนๆในคลาสไวโอลินของเขาตั้งให้”
เยซองฟังคนตรงหน้าต่อ ร่างสูงพยักหน้าตามเป็นเชิงรับรู้
“เรียวอุค อายุ 17 ย่าง 18 พ่อและแม่เสียตั้งแต่เด็กๆ
ตอนนี้อาศัยอยู่กับพี่ชายแค่ 2 คน” ดงเฮก้มหน้าน้อยๆ
ก่อนจะลอบมองไปทางประตูห้องนอน
“แล้วบ้านเขาอยู่ที่ไหนครับ
ผมจะไปหาเขา” ใบหน้าหล่อฉายแววกระตือรือร้น
เขาพร้อมจะไปหาเรียวอุคทุกเมื่อ “แล้วก็ ค่าจ้าง
ว่ามาเลยครับ”
“ไม่ต้องหรอก” ดงเฮลุกจากเก้าอี้ ก่อนจะเดินไปตบไหล่ของร่างสูงเบาๆ ก่อนจะเอ่ยคำพูดทิ้งท้ายที่ทำให้เยซองตัวแข็งทื่อ
“เรียวอุค เป็นน้องชายผม”
“……”
“ด เดี๋ยวก่อนครับ คุณนักสืบ”
เยซองลุกขึ้นยืน หันไปหาดงเฮที่กำลังจะเดินออกไป นักสืบหนุ่มหันมามองด้วยสายตานิ่งขรึมตามบุคลิก “ผมขอโทษ ที่ทำเรื่องไม่สมควรกับเรียวอุค ผมรู้ว่าเขายังเด็กมาก แต่ผม...”
“เรียวอุคอยู่ในห้อง” เสียงเรียบนิ่งของดงเฮเอ่ยขึ้นขัดคำขอโทษนั้น
“ค ครับ” เยซองมองอีกคนอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก
“เรียวอุคอยู่ในห้องนั้น เข้าไปหาสิ”
เยซองวิ่งไปทางห้องที่ดงเฮชี้
ร่างสูงเปิดประตูเข้าไปก็พบร่างบางที่เขารักนอนอยู่บนเตียง
ขายาวก้าวเข้าไปอย่างเงียบเชียบก่อนจะนั่งลงข้างคนตัวเล็กบนเตียง
“เรียวอุค” มือหนาสัมผัสแผ่วเบาไปที่หน้าผากเนียน
ก่อนจะฝากจุมพิตลงไป
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเสียงเข้มและสัมผัสที่คุ้นเคยหรืออย่างไร
ร่างบางค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ
“ค คุณเยซอง” เสียงหวานเอ่ยอย่างตกใจเมื่อเห็นใบหน้าหล่อมาอยู่ข้างตน
‘นี่เราคงฝันไปสินะ เฮ้ออ
คิดถึงเขามากขนาดนี้เลยหรอเรา’
เรียวอุคคิดในใจพลางยิ้มเยาะให้กับตัวเอง
ก่อนจะตระหนักได้ว่า นี่อาจไม่ใช่ฝันเมื่อมือหนาเลื่อนมากุมมือบางของตนเอาไว้
“ค คุณเยซอง” เรียวอุคมองการกระทำนั้นอย่างตกใจ “คุณมาได้ยังไงครับ
ล แล้วนี่ อื้ออ”
เสียงหวานเงียบลงเมื่อจุมพิตแสนหวานประทับมาที่เรียวปากสีเชอร์รี่
ร่างสูงผละออกมา ก่อนจะแนบหน้าผากของตนชิดกับของร่างบาง
“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว เรียวอุค”
ดวงตาหวานเบิกกว้างเมื่ออีกคนพูดชื่อจริงของตนออกมา “ฉันมาหาเธอ คนที่ฉันรัก”
“แต่
คุณกำลังจะไปจากที่นี่แล้วนี่นา เรื่องของเรา มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ
ลืมมันซะเถอะ” ถึงแม้จะดีใจกับคำพูดของร่างสูงมาก
แต่เขาจะไม่ลืมความเป็นจริงอีกแล้ว
“ไม่ ไม่ ฉันขาดเธอไม่ได้ เรียวอุค”
เยซองกอดร่างบางที่แข็งทื่อทำอะไรไม่ถูกไว้แน่น “เธอเป็นคนที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตฉัน อยู่กับเธอ ฉันไม่อยากไปไหน
ฉันไม่อยากมีใคร ฉันอยากจะอยู่กับเธอคนเดียว ฉันรักเธอนะ เรียวอุค”
“ฮ ฮึกก คุณเยซอง อย่าทำแบบนี้
อย่าพูดแบบนี้เลยครับ” ร่างบางพยายามดิ้นจากอ้อมกอดของอีกคน
แต่เรี่ยวแรงมันมีน้อยเหลือเกิน น้ำตาร่วงลงมาจากดวงตาคู่สวย ด้วยความดีใจ ปลื้มใจ
แต่ในขณะเดียวกัน...กลัว
“ได้โปรดเถอะเรียวอุค
เห็นใจผู้ชายคนนี้หน่อยได้ไหม” เสียงทุ้มนุ่มกระซิบแนบใบหูอ้อนวอนขอความรักจากร่างบาง
“หัวใจฉัน อยู่ที่เธอนะ”
“…..”
“……”
“ครับ ครับ คุณเยซอง ผมก็รักคุณ”
เรียวอุคทนเสียงเรียกร้องของใจตัวเองไม่ได้อีกแล้ว
ร่างบางซบลงกับอกแกร่งอย่างเหนื่อยอ่อน เจ้าของอกอุ่นยิ้มร่าเมื่อร่างบางตอบรับคำขอของเขา
“ไปอยู่อเมริกากับฉันนะ เรียวอุค”
เยซองกระซิบแผ่วเบาบอกคนในอ้อมกอดที่หลับตาลงและพยักหน้าตอบรับช้าๆ
ก่อนจะหลับใหลไปอีกครั้งอย่างเป็นสุข
ดงเฮที่แอบมองอยู่ข้างนอกห้องก็ได้แต่ยิ้มกับภาพที่เห็น
นักสืบหนุ่มถอนหายใจช้าๆก่อนจะเดินออกมา
‘คงต้องอยู่คนเดียวแล้วสินะเรา’
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ดงเฮปิดประตูห้องนอนก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องเพื่อต้อนรับลูกค้าคนใหม่
แหม่ ฮ็อตจริงๆช่วงนี้
“สวัสดีครับ” ดงเฮเอ่ยทักทายชายหนุ่มใส่แว่นตรงหน้า
“ใช่คุณนักสืบลีดงเฮหรือเปล่าครับ”
ชายหนุ่มผู้มาเยือนเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ใช่ครับ” ดงเฮพยักหน้ารับ
สายตาไล่สังเกตลูกค้าคนใหม่ ที่เขาคิดว่า คงไม่ใช่คนธรรมดา
“ผมเป็นตำรวจ มีเรื่องอยากให้คุณช่วยครับ”
ชายหนุ่มตรงหน้าชูตราสัญลักษณ์ตำรวจเป็นการยืนยัน
“ครับ เข้ามาก่อน
ขอทราบชื่อคุณด้วยครับ” ดงเฮเปิดทางให้ร่างสูงเดินเข้ามาในห้อง
“ผมชื่อ คิม คิบอมครับ”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น